วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

วิธีลดโรคอ้วนลงพุง

วิธีลดโรคอ้วนลงพุง


วิธีลดโรคอ้วนลงพุง

ข้อมูล ล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทย ชี้ให้เห็นว่า คนไทยประมาณ 17.4 ล้านคน หรือร้อยละ 26 ของประชากรไทย มีน้ำหนักเกิน โดยในจำนวนดังกล่าวพบว่า ผู้หญิงอ้วนมากกว่าผู้ชายถึงสองเท่า และประเทศไทยยังถือเป็นหนึ่งในห้าประเทศจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่มีจำนวนผู้ป่วยโรคอ้วนลงพุงมากที่สุดอีกด้วย นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า คนไทยอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปป่วยเป็นโรคอ้วนลงพุงถึงจำนวนร้อยละ 32.1 หรือจำนวน 16.1 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ชายร้อยละ 18.6 และผู้หญิงร้อยละ 45

ผู้หญิง อ้วนมากกว่าผู้ชายถึงสองเท่า และประเทศไทยยังถือเป็นหนึ่งในห้าประเทศจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่มีจำนวนผู้ป่วยโรคอ้วนลงพุงมากที่สุดอีกด้วย  คนเรารับประทานอาหารเข้าไปในแต่ละวันมากมายหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น แป้ง น้ำตาล เนื้อสัตว์ ไข่ ขนม นม เนย น้ำหวาน หากพลังงานที่ได้รับเกินความต้องการร่างกายจะสะสมอาหารส่วนเกินเหล่านั้นใน รูปไขมัน เมื่อสะสมมากขึ้นก็จะกลายเป็น “โรคอ้วนลงพุง” ขึ้นได้ ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย

จากงานสัมมนา “เฮอร์บาไลฟ์ เอเชียแปซิฟิก เวลเนส ทัวร์ ครั้งที่ 4” ขึ้น ใน 14 ประเทศ 21 เมืองทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อร่วมแบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของผู้คนอย่างง่าย ๆ เพื่อช่วยให้มีสุขภาพที่ดีและแอ๊คทีฟมากขึ้น ที่ได้รับคำแนะนำจาก ดร.เฟล็คชเนอร์-มอร์ส หัวหน้าคณะผู้วิจัยด้านโภชนาการและโรคอ้วนลงพุง ณ มหาวิทยาลัยอูล์ม ที่เมืองอูล์ม ประเทศเยอรมนี ให้ความรู้ในหัวข้อเรื่อง “ใช้ชีวิตอย่างไร ให้ปลอดภัยจากโรคอ้วนลงพุง ภัยเงียบที่อันตรายถึงชีวิต” ดร.เฟล็คชเนอร์-มอร์ส กล่าวถึงโรคอ้วนลงพุงและแนะนำวิธีลดโรคอ้วนลงพุง

สาเหตุ ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะน้ำหนักเกิน หรือเกิดโรคอ้วนลงพุงได้ คือ อายุที่เพิ่มมากขึ้น โดยคนที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป จะมีมวลกล้ามเนื้อลดลงและมีความต้องการพลังงานลดลง ถ้าหากรับประทานอาหารในปริมาณเดิมจะมีโอกาสน้ำหนักตัวเกินหรืออ้วนได้ง่าย ขึ้น อีกทั้งเรื่องเพศ ผู้หญิงจะมีโอกาสอ้วนง่ายกว่าผู้ชาย เพราะมีมวลไขมันมากกว่า และมีมวลกล้ามเนื้อน้อยกว่า

การมีมวลกล้าม เนื้อน้อยทำให้ร่างกายนำพลังงานมาใช้ได้น้อยลงทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ง่าย การรับประทานอาหารในปริมาณที่มากเกินกว่าความต้องการของร่างกาย รวมทั้ง การรับประทานโดยไม่คำนึงถึงจำนวนแคลอรีที่อยู่ในอาหาร หรือที่เรียกว่าตามใจปาก และขาดการออกกำลังกาย หรือมีการออกกำลังกายที่น้อย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคไขมันในเลือดสูง รวมทั้ง มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคเกี่ยวกับระบบกล้ามเนื้อและกระดูกโครงร่าง ขึ้นได้

ในส่วนของ โรคอ้วนลงพุง คือ ภาวะที่ไขมันสะสมในช่องท้อง หรืออวัยวะในช่องท้องมากเกินไป จนทำให้หน้าท้องยื่นออกมาชัดเจน ส่งผลทำให้เกิดระดับน้ำตาลในเลือดสูง ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคเบาหวาน หัวใจ และหลอดเลือด ขึ้นได้

เกณฑ์ในการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอ้วนลงพุงหรือไม่ มีทั้งหมด 5 เกณฑ์ ผู้ที่อยู่ในเกณฑ์ของอาการอ้วนลงพุงที่สามารถวัดได้จากเครื่องวัดไขมัน สามารถวัดน้ำหนักไขมัน น้ำหนักกระดูก น้ำหนักกล้ามเนื้อ และน้ำหนักรวมของร่างกายได้ จะมีความผิดปกติต่อไปนี้ร่วมกัน 3 ข้อขึ้นไป
-ความยาวของเส้นรอบเอว คนในประเทศแถบเอเชีย ผู้ชายมีรอบพุง 90 เซนติเมตรขึ้นไป ผู้หญิงมีรอบพุง 80 เซนติเมตรขึ้นไป
-ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือด สูงกว่า 150 มก./ดล. (มิลลิกรัม/เดซิลิตร) หรือ 1.7 มิลลิโมลต่อลิตร
-ระดับ ไขมันเอชแอลดี คอเลสเตอรอลในเลือด ผู้ชายต่ำกว่า 40 มก./ดล. หรือ 1.0 มิลลิโมลต่อลิตร ผู้หญิงต่ำกว่า 50 มก./ดล. หรือ 1.3 มิลลิโมลต่อลิตร
-ความดันโลหิต มีค่า 130/85 มม.ปรอท หรือมากกว่า ที่วัดได้จากเครื่องวัดความดัน
-ระดับ น้ำตาลในเลือด ขณะอดอาหารตอนเช้า 100 มล./ดล. หรือมากกว่า หรือเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งบุคคลได้รับการรักษาในความผิดปกตินั้น ๆ อยู่ ต้องนำมานับเข้าเกณฑ์การเป็นโรคอ้วนลงพุงร่วมด้วย

ดร.เฟล็คชเนอร์-มอร์ส หัวหน้าคณะผู้วิจัยด้านโภชนาการและโรคอ้วนลงพุง ประเทศเยอรมนีอธิบายการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เพื่อหลีกเลี่ยงโรคอ้วนลงพุง และโรคอ้วนลงพุงให้ฟังว่า สามารถทำได้ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและการได้รับโภชนาการที่สมดุล ซึ่งคนเราควรออกกำลังกายทุกวันอย่างน้อยวันละ15 นาที พร้อมทั้งแนะนำรูปแบบของการออกกำลังกาย 3 รูปแบบ ที่ควรทำควบคู่กันไป

-บอดี้ คอมโพสิชั่น เทรนนิ่ง(Body Composition Training) เป็นการฝึกด้วยการใช้กล้ามเนื้อต้านกับน้ำหนัก เช่น การยกน้ำหนัก เพื่อการสร้างมวลกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์แบบพิเศษหรือจะใช้ฟรีเวท เช่น ดัมเบล หรือบาร์เบล ซึ่งช่วยปกป้องระบบกล้ามเนื้อและกระดูก ช่วยป้องกันปัญหาเกี่ยวกับหลัง รวมทั้ง ช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุนได้ ควรจะทำสัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง ใช้เวลา 30-60 นาที โดยมีการวอร์มอัพร่างกายก่อนประมาณ 10 นาที
-การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ หรือแอโรบิก(Cardio/Aerobic Exercise) เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เพื่อฝึกความทนทานซึ่งสามารถทำได้ทุกวัน จะช่วยให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดแข็งแรงขึ้น รวมทั้ง ช่วยนำออกซิเจนเข้ามาเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ดีขึ้น และช่วยให้ความดันโลหิตลดลง ระบบการทำงานของอวัยวะหลัก ได้แก่ ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบย่อยอาหาร การควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย การนอนหลับ การตื่น และระบบอื่น ๆ ดีขึ้น
-การออกกําลังกายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น สามารถทำได้ที่บ้านทุกวันตั้ง แต่ 10 นาทีขึ้นไป เช่น การเล่นโยคะ การรำมวยจีน สำหรับการเริ่มต้นง่าย ๆ อาจออกกำลังกายเพื่อยืดกล้ามเนื้อสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หลังจากสองถึงสามสัปดาห์ถัดไปเมื่อรู้สึกว่าโอเคหรือชอบ ก็อาจเพิ่มเวลาการฝึกเป็น 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ไม่มีกฏตายตัวว่าควรจะใช้เวลาในการฝึกเท่าไหร่ สิ่งที่สำคัญกว่าการฝึกครั้งละมากๆ คือการฝึกอย่างสม่ำเสมอ

ด้าน โภชนาการ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อลดไขมันส่วนเกิน ได้แก่ กลุ่มธัญพืชที่ผ่านการขัดสีแล้ว เช่น แป้ง ขนมปัง เนื้อแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อที่ผ่านการแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม ลูกชิ้น อาหารทอดต่าง ๆ เช่น ไก่ทอด เฟรนช์ฟราย รวมถึงเครื่องดื่มที่เติมรสหวานต่าง ๆ

“นอก จากจะเลือกอาหารที่ดีแล้ว การกำหนดปริมาณอาหารที่ควรได้รับก็มีความสำคัญ เพราะแต่ละคนมีความต้องการพลังงานในแต่ละวันในปริมาณที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ซึ่งหากเราอยากทราบว่าตัวของเราเองต้องการปริมาณพลังงานเท่าไหร่ต่อวัน อาจตรวจในเบื้องต้นได้จากเครื่องวัดองค์ประกอบในร่างกาย (Body Composition Analyzer) เมื่อได้ค่าแล้วก็จะรู้ในเบื้องต้นว่าร่างกายของเราต้องการพลังงานมากน้อย กิโลแคลอรีต่อวัน ส่วน การลดน้ำหนักต้องใช้เวลา ต้องค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป ลองคิดอย่างง่าย ๆ ว่า กว่าน้ำหนักตัวเราจะขึ้นมาใช้เวลาพอสมควร เพราะฉะนั้นการจะกำจัดน้ำหนักส่วนเกินออกก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน” ดร.เฟล็คชเนอร์-มอร์ส กล่าวทิ้งท้าย.“

Cr.เดลินิวส์

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เทรนด์การแต่งหน้ารับลมหนาว ของบิวตี้กูรูชื่อดังโมเมพาเพลิน


เทรนด์การแต่งหน้ารับลมหนาว ของบิวตี้กูรูชื่อดังโมเมพาเพลิน

เทรนด์การแต่งหน้ารับลมหนาว ของบิวตี้กูรูชื่อดังโมเมพาเพลิน

โมเม นภัสสร หรือ โมเมพาเพลิน อดีตนักร้องสาว ที่ตอนนี้สาวๆ คงจะรู้จักเธอในฐานะ บิวตี้กูรูจากรายการ โมเมพาเพลิน ที่เธอมักจะให้คำปรึกษาปัญหาการแต่งหน้า การดูแลผิว และยังทำ How To การแต่งหน้าลุคต่างๆ ได้น่าสนใจ


วันนี้ จะพาสาวๆ ไปเตรียมพร้อมรับลมหนาวด้วย เทรนด์การแต่งหน้ารับลมหนาวในสไตล์ของโมเมพาเพลิน พร้อมเครื่องสำอางที่นางขาดไม่ได้ และมีเทคนิคอะไรมาบอกต่อนั้น ตามมาดูกันได้เลยค่ะ

เทรนด์การแต่งหน้าฝนช่วงหน้าหนาวที่จริงแล้วมีหลายเทรนด์นะคะ เวลาเข้าหน้าหนาวทุกอย่างจะเป็นสีเข้มขึ้นโดยอัตโนมัติ พวกที่เป็นนีออนหรือสีสดที่ไม่มีส่วนผสมของสีดำ จะค่อยๆ ลดถอยออกไป
เราจะเห็นเฉดสีแดง สีม่วงที่เข้มขึ้นเรื่อยๆ  แต่ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งหน้าสีสดไม่ได้แล้วแต่คนมากกว่า นอกจากนี้จะเห็นความฉ่ำวาวของไฮไลท์ โดยเฉพาะเมืองนอกที่อากาศแห้ง ฝรั่งจะมีเทรนด์วาวแบบเกาหลีบ้าง จะไม่ใช้หน้าแมทช์แห้งสักเท่าไหร่แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าทาทั่วทั้งหน้าเป็นลูกดิสโก้บอลนะคะ เลือกเฉพาะจุดที่อยากให้ใบหน้าดูโดนเด่น

อีกอย่างที่มาแรงไม่แพ้กันก็คือ ไลเนอร์ เขียนแบบแคทอาย ปกติสาวไทยเขียนไลเนอร์เก่งอยู่แล้ว เพียงแค่เขียนให้หางยาวนิดหน่อย เส้นคมขึ้น ชัดขึ้น บาลานซ์ระหว่างตากับปาก ถ้าชอบแต่งตาก็แต่งตาเยอะหน่อย แต่งแบบสโมกกี้ได้เลยค่ะ หรือถ้าชอบทาปากแรงๆ ไม่ต้องเน้นตาแต่ก็ยังสามารถเขียนไลเนอร์ได้อยู่นะคะ แต่ไม่ต้องหางยาวมาก เน้นเส้นเล็กๆ คมๆ ก็พอแล้วค่ะ



เครื่องสำอาง 3 ที่ขาดไม่ได้

คัตเตอร์บัต ส่วนตัวแล้ว ชอบคัตเตอร์บัตมากกว่าแปรง สามารถนำมาเก็บรายละเอียดและช่วยเบลนสีต่างๆ ได้

ลิปสติก จะมีหลายๆ สีเผื่อไว้ ปกติเป็นคนชอบใส่เสื้อผ้าโทนสีขาวดำ ถ้าจะเปลี่ยนลุคจะนึกถึงลิปสติก จะมีหลายๆ สี อย่างสีม่วงเข้ม สีแดง สีนู้ด ที่ผสมได้ แดงเอามาผสมกับสีนู้ดก็กลายเป็นชมพูได้

กระดาษซับมัน ไทยแลนด์ต่อให้เข้าช่วงหน้าหนาวแต่ก็ยัง ร้อนอยู่ดี โมเมไม่แนะนำให้เติมหน้าทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ซับหน้าอยู่แล้ว กระดาษซับมันจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับเทรนด์การแต่งหน้าในช่วงหน้าหนาวที่ใกล้จะมาถึงทุกที่ๆ สำหรับวันนี้ เกร็ดดี้ต้องขอตัวไปแต่งหน้าอัพสวยก่อนแล้วค่ะ บ๊ายยย!

Cr : sanook

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ชาร์จไฟรถยนตร์ไร้สายบนถนน

 ชาร์จไฟรถยนตร์ไร้สายบนถนน
 
พัฒนาการของรถยนต์หาใช่ขับเคลื่อนเร็วออกตัวไวเพียงอย่างเดียวหรือมีอุปกรณ์ ทันสมัยมากมายในรถไม่ว่าจะเป็นระบบนำทาง GPS  แต่การพัฒนาระบบเครื่องยนต์ที่ไม่ต้องง้อน้ำมันถือเป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่ ช่วยลดปัญหามลพิษแถมช่วยให้โลกไม่ร้อนเร็วเกินควร แต่อุปสรรคสำคัญของรถยนต์ที่วิ่งด้วยระบบไฟฟ้าคือระยะเวลาในการวิ่งที่จำกัด สั้นกว่ากางวิ่งด้วยน้ำมัน จึงทำให้ผู้ขับขี่ต้องแวะหาที่ชาร์ตแบตสํารองกลางทางเพื่อให้รถยนต์สามารถ วิ่งต่อได้อีกครั้ง แต่ถ้าเป็นไปได้เราจะได้เห็นมีที่ชาร์ตแบตสํารองบนถนนไฮเวยกันบ้าง

ความ ลำบากผู้ขับขี่ต้องแวะเสียบปลั๊กกลางทางเพื่อให้รถยนต์สามารถวิ่งต่อได้นี้ กำลังจะหมดไป เพราะนโยบายจากกระทรวงคมนาคมของประเทศอังกฤษ กำลังทดสอบเทคโนโลยีการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบไร้สายผ่านพื้นถนนไฮเวย์ (Dynamic Wireless Power Transfer) โดยที่เราไม่ต้องลงจากรถเสียบปลั๊ก แนวคิดชาร์จไฟรถยนตร์ไร้สายบนถนนนี้ต้องการกระตุ้นให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถขับเคลื่อนได้ในระยะทางที่ไกลกว่า เดิม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แอนดริวโจนส์ได้กล่าวว่า “มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่เราสามารถพัฒนาระบบการชาร์ทไฟในขณะที่รถขับ เคลื่อนบนท้องถนน รัฐบาลตัดสินใจทุ่มงบประมาณกว่า 500 ล้านปอนด์ในช่วงระยะเวลา 5 ปีเพื่อให้ประเทศอังกฤษอยู่ในแถวหน้าของการพัฒนาด้านเทคโนโลยีชาร์จไฟรถ ยนตร์ไร้สายบนถนน ผลลัพธ์ของมันนอกจากจะช่วยสร้างงานแล้วยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ให้ดียิ่งขึ้นด้วย”

การทดสอบชาร์จไฟรถยนตร์ไร้สายบนถนนอย่างเป็นทาง การจะเริ่มต้นภายในปีนี้ กินระยะเวลาประมาณ 18 เดือน โดยทีมงานจะติดตั้งเทคโนโลยีการชาร์จไฟระบบไร้สายบนรถยนต์และพื้นถนน ถ้าการทอสอบประสบความสำเร็จ ทางภาครัฐก็พร้อมที่จะติดตั้งระบบการชาร์จไฟรถยนตร์ไร้สายบนถนนนี้บนถนน ไฮเวย์

นอกจากนี้ยังมีการวางแผนติดตั้งจุดชาร์ทไฟแบบเสียบปลั๊กใน ทุกๆ 20 ไมล์บนมอเตอร์เวย์ เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาเลือกใช้รถยนต์จากพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น อีกหนึ่งแนวคิดรักษ์โลก ที่ช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานจากน้ำมันอย่างเป็นระบบ โดยภาครัฐมอบความสะดวกสบายเพื่อสนับสนุนให้คนหันมาใช้รถยนต์จากพลังงานไฟฟ้า มากขึ้นและพร้อมลงทุนชาร์จไฟรถยนตร์ไร้สายบนถนนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

Cr.กรุงเทพธุรกิจ

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

บาร์โค้ด 3 มิติ


ปัจจุบันวิวัฒนาการของบาร์โค้ด(Barcode) พัฒนาไปมาก ทั้งรูปแบบและความสามารถในการเก็บข้อมูล  โดยบาร์โค้ดที่ใช้ในยุคสมัยนี้มีทั้งแบบ 1 มิติ 2 มิติ และกำลังจะมาเร็ว ๆ นี้ บาร์โค้ด 3 มิติแบบเข็ม แต่ที่เราใช้กันทั่วไปในสินค้านั้นเป็นแบบมิติเดียว บันทึกข้อมูลได้จำกัด ตามขนาดและความยาว โดยบาร์โค้ด 2 มิติ จะสามารถบันทึกข้อมูลได้มากกว่าแบบอื่น ๆ มาก และขนาดเล็กกว่า รวมทั้งสามารถพลิกแพลงการใช้งานได้มากกว่า ขนาดที่ว่าสามารถซ่อนไฟล์ใหญ่ ๆ ทั้งไฟล์ลงบนรูปภาพได้เลยทีเดียว

ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแบรด ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ร่วมกับบริษัท ซอฟแมท ผู้ให้บริการเทคโนโลยีป้องกันการปลอมแปลง พัฒนาระบบบาร์โค้ด 3 มิติแบบใหม่ที่สามารถติดตั้งลงในเนื้อวัสดุหรือสินค้าอย่างเช่นเวชภัณฑ์ ต่างๆ เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและลอกเลียนแบบสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบ บาร์โค้ด 3 มิติแบบใหม่ไม่ได้ใช้แถบสีดำพิมพ์ลงบนบรรจุภัณฑ์เหมือนเช่นที่เราคุ้นเคยกัน ซึ่งพบว่ามีการปลอมแปลงได้ง่าย แต่ใช้เข็มขนาดเล็กมากจัดเป็นกลุ่มเรียงตัวอยู่ด้วยกันโดยแต่ละเล่มมีความ สูงไม่เท่ากัน เข็มแต่ละชุดจะใช้แทนตัวอักษรและตัวเลขแตกต่างกันออกไป บาร์โค้ด 3 มิติแบบเข็มเหล่านี้สามารถนำไปใช้งานได้สองรูปแบบ คือ สามารถติดตั้งไว้กับแบบหล่อหรือเบ้าของสินค้า หรือเวชภัณฑ์ ตั้งแต่ในกระบวนการผลิตเลยก็ได้ หรือจะนำมาใช้ประทับเป็นบาร์โค้ด 3 มิติลงในเนื้อผลิตภัณฑ์เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ ผลิตแล้วก็ได้อีกเช่นกัน

ผลลัพธ์ ที่ได้แทบจะมองไม่เห็นบาร์โค้ด 3 มิติด้วยตาเปล่า หรือแม้แต่ใช้มือลูบบาร์โค้ด 3 มิติยังแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างของพื้นผิว แต่หากใช้อุปกรณ์ เครื่องอ่านบาร์โค้ด ด้วยเลเซอร์สแกนในตรวจสอบจะสามารถตรวจสอบที่มาของผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นได้ อย่างรวดเร็ว สามารถใช้ในการติดตามเส้นทางการเคลื่อนไหวและพิสูจน์ผลิตภัณฑ์ว่าเป็นของแท้ หรือของปลอมที่ทำเทียมเลียนแบบขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว

สภาหอการค้า สากล (ไอซีซี) ระบุว่า ปัจจุบันสินค้าปลอมแปลงทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ก่อให้เกิดปัญหาแก่ผู้บริโภคอย่างมาก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ปลอมเป็นปัญหาต่อทั้งผู้ซื้อและเจ้าของสินค้าตัวจริง ในขณะที่เวชภัณฑ์ปลอมมีอันตรายถึงตาย เพราะมีปริมาณตัวยาผิดๆ หรือไม่มีตัวยาอยู่เลย แต่หากได้นำเทคโนโลยีบาร์โค้ด 3 มิติ มาใช้ ก็สามารถช่วยป้องกันการปลอมแปลงสินค้าได้ในอนาคต

การนำเทคโนโลยีบาร์ โค้ด 3 มิติเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ อาทิ ด้านการค้า โดยนำบาร์โค้ด 3 มิติมาติดกับตัวสินค้าผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อใช้ในการจัดเก็บชื่อ รหัส และราคาของสินค้า หรือทางด้านการจัดการสต๊อกสินค้า ช่วยในการตรวจสอบจำนวนสินค้าคงเหลือได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทั้งนี้การนำบาร์โค้ดมาใช้อย่างแพร่หลายและเป็นที่นิยมกันมาก ทว่า คุณสมบัติที่มีอยู่ของบาร์โค้ดแบบ 1 มิตินั้น ยังไม่รองรับความต้องการของผู้ใช้งานได้มากเท่าที่ควร เช่น การบรรจุข้อมูลได้น้อย และการใช้ฐานข้อมูลในการจัดเก็บ และความปลอดภัยจากการปลอมแปลง เป็นต้น ดังนั้นจึงทำให้มีการพัฒนาบาร์โค้ด 2 มิติขึ้นมา และก้าวอีกขั้นของการปกป้องข้อมูลและการปลอมแปลง จึงเกิดเทคโนโลยีบาร์โค้ด 3 มิติ ในอนาคตอันใกล้นี้

Cr.มติชน

"โนเกีย"พร้อมขยายโครงข่าย 4G

"โนเกีย"พร้อมขยายโครงข่าย 4G
Photo : innovation.verizon

"โนเกีย"พร้อมขยายโครงข่าย 4G  ย้ำประมูล 4G ดันจีดีพีไทยโต 2.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ  นายแดนเนียล มาวซูฟ หัวหน้าฝ่ายการตลาด และสื่อสารองค์กร ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และญี่ปุ่น โนเกีย เน็ตเวิร์คส์ เปิดเผยว่า การประมูล 4G บนคลื่น 900 และ 1800 MHz เดือน พ.ย.นี้จะช่วยให้จีดีพีของประเทศมาจากอุตสาหกรรมไอซีทีเติบโตขึ้น 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (8.2 แสนล้านบาท) ภายในปี 2563 ตามข้อมูลการศึกษาของสมาคมจีเอสเอ็มเอ จากการลงทุนโครงข่ายของผู้ชนะประมูล รวมถึงอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องอื่นที่จะนำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจของ ตนเอง

โนเกีย(Nokia) ย้ำการประมูลคลื่น 900 และ 1800 MHz มีส่วนสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ"โนเกีย"พร้อมขยายโครงข่าย 4G   ปัจจุบันการใช้ข้อมูล (Data) เติบโตรวดเร็วสวนทางเสียง (Voice) จากความต้องการในการใช้โมบายอินเทอร์เน็ตของผู้บริโภค และอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งบริการ 4G บน 2 ความถี่ตอบโจทย์ได้ด้วยความเร็วที่มากกว่า 3G ถึง 10 เท่าตัว ทำให้ความหน่วงของสัญญาณลดลงจนการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ด้วยกัน (M2M) ดีขึ้น หากเราดูภาพวิดิโอบนมือถือสมาร์ทโฟนจากกล้อง IP Camera ก็จะได้ภาพต่อเนื่องรวดเร็วและชัดเจนอีกด้วย เป็นต้น

ถ้าไล่ตั้งแต่ 3G เป็นการใช้โมบายอินเทอร์เน็ตเบื้องต้น(Mobile Internet) 4G เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพความเร็ว และ 5G ลดความหน่วงของสัญญาณเพื่อใช้งานระหว่างอุปกรณ์ เช่น รถยนต์ที่ขับเองได้ หรือการบริหารจราจรอัจฉริยะ 5G ตอบโจทย์สมาร์ทซิตี้ด้วย ทำให้การสั่งการต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ทันที แต่ในไทยต้องรออีกระยะเพราะโอเปอเรเตอร์เพิ่งลงทุน 3G เมื่อ 3 ปีก่อน ปีนี้โอเปอเรเตอร์และ"โนเกีย"พร้อมขยายโครงข่าย 4G

ด้านนายฮาราลด์ ไพรซ์ หัวหน้ากลุ่มธุรกิจเน็ตเวิร์ก ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โนเกีย เน็ตเวิร์คส์กล่าวว่า อยู่ระหว่างควบรวมกิจการกับ "อัลคาเทล-ลูเซ่น" คาดว่าจะเสร็จในครึ่งแรกของปี 2559 ทำให้บริษัทเป็นผู้ให้บริการและจำหน่ายอุปกรณ์โทรคมนาคมทุกรูปแบบ ต้นปีหน้ารุกขยายตลาดบริการครบวงจร ย่ำ"โนเกีย"พร้อมขยายโครงข่าย 4G กับโอเปอเรเตอร์ทุกราย

เมื่อโนเกีย(Nokia)รวมกับอัลคาเทลฯ ก็จะกลายเป็น 1 ใน 2 ซัพพลายเออร์ด้านโมบายเน็ตเวิร์ก(Mobile Network), ฟิกซ์เน็ตเวิร์ก(Fixed Network), ไอพี-ออฟติคอลเน็ตเวิร์ก(IP Optical Network)ที่ได้มาจากอัลคาเทลฯและแอปพลิเคชั่นกับระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่ พัฒนาร่วมกันในชื่อ Nokia Ad Analytics ทั้งหมดจะเข้ามาทำตลาดในไทย "โนเกีย"พร้อมขยายโครงข่าย 4G รองรับการนำข้อมูลที่มีมาใช้โดยวิเคราะห์แบบบิ๊กดาต้าเป็นเรื่องที่สำคัญ

สำหรับ ในประเทศไทยมีเอไอเอสเป็นลูกค้าหลักส่วนรายอื่นก็ใช้แต่น้อยกว่า หลังประมูล 4G เสร็จ"โนเกีย"พร้อมขยายโครงข่าย 4G ก็จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผู้ชนะประมูลเพื่อช่วยพัฒนาโครงข่ายให้มี ประสิทธิภาพทั้งโมบายและฟิกซ์เน็ตเวิร์ก

ส่วนการเป็นพันธมิตรกับ บมจ.ทีโอทีเพื่อขยายโครงข่าย 3G บนคลื่น 2100 MHz ระยะที่ 2 ต้องรอความชัดเจนจากพันธมิตร หลังขยายโครงข่ายระยะแรกในกรุงเทพฯ ถ้าพันธมิตรมีข้อเสนอที่ดี "โนเกีย"พร้อมขยายโครงข่าย 4G  เพราะตลาดประเทศไทยมีโอกาสอีกมากจากจำนวนเลขหมายโทรศัพท์มือถือที่มีมากกว่า 100 ล้านเลขหมาย มีการใช้ดาต้าเพิ่มขึ้น 165% ภายในปี 2563 เทียบกับปี 2558

นายฮาราลด์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเริ่มมีการทดลอง 5G บนคลื่น 1800 MHz และ 2600 MHz ในศูนย์วิจัยและพัฒนาที่ฟินแลนด์ และผู้ให้บริการในเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้ความเร็วที่ 10 Mbps และความหน่วงของสัญญาณเพียง 1 มิลลิวินาที ตอบโจทย์การใช้งาน M2M และบริการยุค IoT (Internet of Things) ทำให้ทุกอย่างเชื่อมต่อกันได้อย่างไร้รอยต่อที่สุด คาดว่า 5G จะให้บริการแพร่หลายในปี 2563

Cr.ประชาชาติธุรกิจ

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

5 ละครเปรี้ยง ชมพู่ อารยา



นางเอกตัวแม่ของวงการบันเทิงอีกคน ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต เกิดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2524 เข้าสู่วงการเมื่อปี พ.ศ. 2541 ขณะอายุได้ 17 ปี จากการประกวด "มิสมอเตอร์โชว์" ปีเดียวกับ เข็ม-รุจิรา ช่วยเกื้อ ต่อมาได้รับการติดต่อจาก รัมภา ภิรมย์ภักดี ผู้เขียนบทประจำบริษัทดาราวิดีโอให้มาทดสอบหน้ากล้อง และผ่านการทดสอบจึงได้เซ็นสัญญากับบริษัทดาราวิดีโอ ละครเรื่องแรกที่เล่นคือ เพลงพราย ทางช่อง 7 สี ประกบกับ บี๋-สวิช เพชรวิเศษศิริ

จากนั้นก็มีผลงานมาโดยตลอด โดยมาโด่งดังจากบท แอนนี่ ในละครเรื่องดัง หมอลำซัมเมอร์ โดยเธอได้ร้องเพลงประกอบด้วย และยังได้รับโอกาสให้มาร้องเพลงประกอบละครอีกหลายต่อหลายเรื่อง แต่มาเปรี้ยงเป็นซุปตาร์จริงๆ เมื่อย้ายช่องมาอยู่วิก 3 พระราม4  วันนี้เราจะพาไปดู 5 ละครเปรี้่ยงของเธอกัน
หมอลำซัมเมอร์ ทางช่อง 7 ออกอากาศวันพุธ - พฤหัสบดี เริ่มตอนแรกวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2546 อวสานวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2546 แนวดราม่า คอเมดี พระเอกคือ ณัฐวุฒิ สกิดใจ ถือเป็นละครที่แจ้งเกิดของชมพูู่ เพราะเป็นละครที่ดูง่าย สนุกสนาน แต่แฝงแง่คิดดีเรื่องของศิลปะทางอีสานของไทยไว้

แก้วตาหวานใจแก้วตาหวานใจ ทางช่อง 7 ปี พ.ศ. 2546 นำแสดงโดย ภาณุ สุวรรณโณ, อารยา เอ ฮาร์เก็ต เป็นละครคอมเมดี้อีกเรื่องที่โด่งดังมากสมัยนั้น เป็นอีกหนึ่งละครที่เรตติ้งสูงชองช่อง 7 เพราะเป็นเรื่องกุ๊กกิ๊กเบาสมอง แถมยังมีดาราเด็ก ที่มาช่วยเพิ่มความน่ารักอีกด้วย


ดาวเปื้อนดิน ทางช่อง 7 ออกอากาศทุกวัน ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ผลิตโดย โพลีพลัส ในปี พ.ศ. 2551 นำแสดงโดย วีรภาพ สุภาพไพบูลย์, วรนุช ภิรมย์ภักดี และ อารยา เอ ฮาร์เก็ต เรื่องนี้ชมพู่ประกบนางเอกรุ่นเดียวกันอย่างนุ่น วรนุช เป็นละครดราม่าที่ทั้งคู่เชือดเฉือนบทบาทกันอย่างเข้มข้น และเป็นละครเรื่องสุดท้ายของ ชมพู่กับช่อง 7

ดอกส้มสีทอง ทางช่อง 3 เป็น ละครที่สร้างชื่อให้ ชมพู่มากที่สุดตั้งแต่เข้าวงการบันเทิงมา เพราะตัวบทที่แรงอยู่แล้ว ประกอบกับฝีมือการแสดงของชมพู่ ทำให้ละครในตอนจบของเรื่อง เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล กลุ่มคนดูอายุ 15-44 ปี วัดเรตติ้งได้ 24.7 ทั้งกระแสของละครเรื่องนี้ยังได้ก่อให้เกิดเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ใน สังคมอย่างกว้างขวาง โดยมีผู้ต้องการให้เปลี่ยนเนื้อหา โดยเรียกร้องผ่านไปยังกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องจากมองว่าตัวละครเอก คือ เรยา มีพฤติกรรมชอบแย่งสามีคนอื่นและมีฉากเพศสัมพันธ์มากเกินไป ไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน

ทรายสีเพลิง ทางช่อง 3 แม้จะได้เสียงวิจารณ์โดยนำไป เปรียบเทียบกับเวอร์ชั่น หมิว ลลิตา แต่ละครเรื่องนี้ในเวอร์ชั่น 2557 ก็ยังได้รับความนิยมจากผู้ชมสูงอยู่ดี และนับได้ว่าเป็นอีกผลงานเปรี้ยงของ ชมพู่ อารยา 

Cr :  sanook

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

คอมพิวเตอร์ PowerBank

มาแล้วคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก Kangaroo PC หรือ คอมพิวเตอร์ PowerBank จาก InFocus ที่ถือว่าเป็นคอมพิวเตอร์พกพาที่มีขนาดเล็กที่สุด ด้วยน้ำหนักแค่ 200 กรัม สูง 12.4 ซม. กว้าง 8.05 ซม. หนา 1.29 ซม.ที่วัดได้จากเครื่องมือวัด เวอร์เนียคาลิปเปอร์ (Vernier Caliper) เรียกว่าขนาดพอๆกับ phablet หลายรุ่นที่วางขายในตลาดตอนนี้

ตัว เครื่องคอมพิวเตอร์ PowerBank จะแบ่งเป็นสองส่วนแยกออกจากกันได้ คือส่วนที่เป็นหน่วยประมวลผลและฐานโดยในส่วนฐานจะประกอบด้วยพอร์ตต่างๆดัง นี้ HDMI, USB 2 พอร์ตและพอร์ตสำหรับต่อสายอแดปเตอร์ ในการใช้งานมันสามารถเสียบต่อกับจอต่างๆให้กลายเป็น คอมพิวเตอร์ PowerBank เต็มรูปแบบไม่ว่าจะเป็นจอมอนิเตอร์, ทีวี หรือจอโปรเจคเตอร์ แม้แต่ไอแพดด็ต่อได้นะ แต่จะต้องลงแอปฟรี OS Link เพิ่มซะก่อน

ส่วน สเปคของคอมพิวเตอร์ PowerBank นั้นจะมาพร้อมกับชิพ Intel Cherrytrail (Atom Z8500) 2.24GHz ที่ไม่จำเป็นต้องใช้พัดลมระบายความร้อน จึงทำให้ออกแบบมีขนาดเล็กได้ ในส่วนของ RAM จะเป็น LPDDR3 ขนาด 2GB พื้นที่เก็บข้อมูล  eMMC 32 GB

ถ้ายังไม่พอตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ PowerBank สามารถเพิ่ม microSD ได้อีกสูงสุด 128 GB สำหรับการเชื่อมต่อมาพร้อมกับ Dual-band wireless AC ที่ช่วยให้การรับส่ง Wi-Fi เร็วขึ้น จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องมีพอร์ต ethernet  นอกจากนั้นยังมี Bluetooth 4.0 สำหรับเชื่อมต่อกับเม้าส์และคีย์บอร์ดไร้สาย

ภาย ในคอมพิวเตอร์ PowerBank มีแบตเตอรี่ในตัวสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 4 ชั่วโมงหรือใครอยากจะต่อไฟบ้านก็ได้ไม่ว่ากัน ซึ่งแบตนี้ยังสามารถใช้เป็นแบตเตอรี่สำรอง สำหรับชาร์จสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้ด้วย นี่ถือว่าเป็นทั้งคอมพิวเตอร์ PowerBank ขนาดเล็กแล้วยังสามารถทำหน้าที่เป็นแบตเตอรี่สำรองได้อีกด้วย

ตัว คอมพิวเตอร์ PowerBank มาพร้อมกับระบบปฏิบัติ Windows 10 Home Edition ซึ่งใช้งานได้ดีกับงานทั่วไป ท่องเว็บ ใช้งานโปรแกรมออฟฟิซ นอกจากนั้นยังเพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบสแกนนิ้วป้องกันคนอื่นมาแอบใช้ เครื่องคอมพิวเตอร์ PowerBank ได้อีกด้วย

สำหรับคนที่สนใจสามารถ สั่งซื้อคอมพิวเตอร์ PowerBank ได้ทางเว็บ Newegg.com และร้านออนไลน์ของ Microsoft โดยจะเริ่มส่งของกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ สนนราคาก็ 99 ดอลล่าร์หรือ 3,600 บาทเท่านั้นเอง

ส่วนแผนการในอนาคตทางบริษัทก็ เตรียมปล่อยคอมพิวเตอร์ PowerBank รุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงเข้ามาเติมเต็ม รวมถึงออกแบบส่วนฐานใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มฟังก์ชั่นการทำงานให้กับ Kangaroo PC หรือ คอมพิวเตอร์ PowerBank

Cr.Dailygizmo