ปัจจุบันวิวัฒนาการของบาร์โค้ด(Barcode) พัฒนาไปมาก ทั้งรูปแบบและความสามารถในการเก็บข้อมูล โดยบาร์โค้ดที่ใช้ในยุคสมัยนี้มีทั้งแบบ 1 มิติ 2 มิติ และกำลังจะมาเร็ว ๆ นี้ บาร์โค้ด 3 มิติแบบเข็ม แต่ที่เราใช้กันทั่วไปในสินค้านั้นเป็นแบบมิติเดียว บันทึกข้อมูลได้จำกัด ตามขนาดและความยาว โดยบาร์โค้ด 2 มิติ จะสามารถบันทึกข้อมูลได้มากกว่าแบบอื่น ๆ มาก และขนาดเล็กกว่า รวมทั้งสามารถพลิกแพลงการใช้งานได้มากกว่า ขนาดที่ว่าสามารถซ่อนไฟล์ใหญ่ ๆ ทั้งไฟล์ลงบนรูปภาพได้เลยทีเดียว
ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแบรด ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ร่วมกับบริษัท ซอฟแมท ผู้ให้บริการเทคโนโลยีป้องกันการปลอมแปลง พัฒนาระบบบาร์โค้ด 3 มิติแบบใหม่ที่สามารถติดตั้งลงในเนื้อวัสดุหรือสินค้าอย่างเช่นเวชภัณฑ์ ต่างๆ เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและลอกเลียนแบบสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบ บาร์โค้ด 3 มิติแบบใหม่ไม่ได้ใช้แถบสีดำพิมพ์ลงบนบรรจุภัณฑ์เหมือนเช่นที่เราคุ้นเคยกัน ซึ่งพบว่ามีการปลอมแปลงได้ง่าย แต่ใช้เข็มขนาดเล็กมากจัดเป็นกลุ่มเรียงตัวอยู่ด้วยกันโดยแต่ละเล่มมีความ สูงไม่เท่ากัน เข็มแต่ละชุดจะใช้แทนตัวอักษรและตัวเลขแตกต่างกันออกไป บาร์โค้ด 3 มิติแบบเข็มเหล่านี้สามารถนำไปใช้งานได้สองรูปแบบ คือ สามารถติดตั้งไว้กับแบบหล่อหรือเบ้าของสินค้า หรือเวชภัณฑ์ ตั้งแต่ในกระบวนการผลิตเลยก็ได้ หรือจะนำมาใช้ประทับเป็นบาร์โค้ด 3 มิติลงในเนื้อผลิตภัณฑ์เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ ผลิตแล้วก็ได้อีกเช่นกัน
ผลลัพธ์ ที่ได้แทบจะมองไม่เห็นบาร์โค้ด 3 มิติด้วยตาเปล่า หรือแม้แต่ใช้มือลูบบาร์โค้ด 3 มิติยังแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างของพื้นผิว แต่หากใช้อุปกรณ์ เครื่องอ่านบาร์โค้ด ด้วยเลเซอร์สแกนในตรวจสอบจะสามารถตรวจสอบที่มาของผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นได้ อย่างรวดเร็ว สามารถใช้ในการติดตามเส้นทางการเคลื่อนไหวและพิสูจน์ผลิตภัณฑ์ว่าเป็นของแท้ หรือของปลอมที่ทำเทียมเลียนแบบขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
สภาหอการค้า สากล (ไอซีซี) ระบุว่า ปัจจุบันสินค้าปลอมแปลงทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ก่อให้เกิดปัญหาแก่ผู้บริโภคอย่างมาก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ปลอมเป็นปัญหาต่อทั้งผู้ซื้อและเจ้าของสินค้าตัวจริง ในขณะที่เวชภัณฑ์ปลอมมีอันตรายถึงตาย เพราะมีปริมาณตัวยาผิดๆ หรือไม่มีตัวยาอยู่เลย แต่หากได้นำเทคโนโลยีบาร์โค้ด 3 มิติ มาใช้ ก็สามารถช่วยป้องกันการปลอมแปลงสินค้าได้ในอนาคต
การนำเทคโนโลยีบาร์ โค้ด 3 มิติเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ อาทิ ด้านการค้า โดยนำบาร์โค้ด 3 มิติมาติดกับตัวสินค้าผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อใช้ในการจัดเก็บชื่อ รหัส และราคาของสินค้า หรือทางด้านการจัดการสต๊อกสินค้า ช่วยในการตรวจสอบจำนวนสินค้าคงเหลือได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทั้งนี้การนำบาร์โค้ดมาใช้อย่างแพร่หลายและเป็นที่นิยมกันมาก ทว่า คุณสมบัติที่มีอยู่ของบาร์โค้ดแบบ 1 มิตินั้น ยังไม่รองรับความต้องการของผู้ใช้งานได้มากเท่าที่ควร เช่น การบรรจุข้อมูลได้น้อย และการใช้ฐานข้อมูลในการจัดเก็บ และความปลอดภัยจากการปลอมแปลง เป็นต้น ดังนั้นจึงทำให้มีการพัฒนาบาร์โค้ด 2 มิติขึ้นมา และก้าวอีกขั้นของการปกป้องข้อมูลและการปลอมแปลง จึงเกิดเทคโนโลยีบาร์โค้ด 3 มิติ ในอนาคตอันใกล้นี้
Cr.มติชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น