วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

วิธีลดโรคอ้วนลงพุง

วิธีลดโรคอ้วนลงพุง


วิธีลดโรคอ้วนลงพุง

ข้อมูล ล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทย ชี้ให้เห็นว่า คนไทยประมาณ 17.4 ล้านคน หรือร้อยละ 26 ของประชากรไทย มีน้ำหนักเกิน โดยในจำนวนดังกล่าวพบว่า ผู้หญิงอ้วนมากกว่าผู้ชายถึงสองเท่า และประเทศไทยยังถือเป็นหนึ่งในห้าประเทศจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่มีจำนวนผู้ป่วยโรคอ้วนลงพุงมากที่สุดอีกด้วย นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า คนไทยอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปป่วยเป็นโรคอ้วนลงพุงถึงจำนวนร้อยละ 32.1 หรือจำนวน 16.1 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ชายร้อยละ 18.6 และผู้หญิงร้อยละ 45

ผู้หญิง อ้วนมากกว่าผู้ชายถึงสองเท่า และประเทศไทยยังถือเป็นหนึ่งในห้าประเทศจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่มีจำนวนผู้ป่วยโรคอ้วนลงพุงมากที่สุดอีกด้วย  คนเรารับประทานอาหารเข้าไปในแต่ละวันมากมายหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น แป้ง น้ำตาล เนื้อสัตว์ ไข่ ขนม นม เนย น้ำหวาน หากพลังงานที่ได้รับเกินความต้องการร่างกายจะสะสมอาหารส่วนเกินเหล่านั้นใน รูปไขมัน เมื่อสะสมมากขึ้นก็จะกลายเป็น “โรคอ้วนลงพุง” ขึ้นได้ ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย

จากงานสัมมนา “เฮอร์บาไลฟ์ เอเชียแปซิฟิก เวลเนส ทัวร์ ครั้งที่ 4” ขึ้น ใน 14 ประเทศ 21 เมืองทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อร่วมแบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของผู้คนอย่างง่าย ๆ เพื่อช่วยให้มีสุขภาพที่ดีและแอ๊คทีฟมากขึ้น ที่ได้รับคำแนะนำจาก ดร.เฟล็คชเนอร์-มอร์ส หัวหน้าคณะผู้วิจัยด้านโภชนาการและโรคอ้วนลงพุง ณ มหาวิทยาลัยอูล์ม ที่เมืองอูล์ม ประเทศเยอรมนี ให้ความรู้ในหัวข้อเรื่อง “ใช้ชีวิตอย่างไร ให้ปลอดภัยจากโรคอ้วนลงพุง ภัยเงียบที่อันตรายถึงชีวิต” ดร.เฟล็คชเนอร์-มอร์ส กล่าวถึงโรคอ้วนลงพุงและแนะนำวิธีลดโรคอ้วนลงพุง

สาเหตุ ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะน้ำหนักเกิน หรือเกิดโรคอ้วนลงพุงได้ คือ อายุที่เพิ่มมากขึ้น โดยคนที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป จะมีมวลกล้ามเนื้อลดลงและมีความต้องการพลังงานลดลง ถ้าหากรับประทานอาหารในปริมาณเดิมจะมีโอกาสน้ำหนักตัวเกินหรืออ้วนได้ง่าย ขึ้น อีกทั้งเรื่องเพศ ผู้หญิงจะมีโอกาสอ้วนง่ายกว่าผู้ชาย เพราะมีมวลไขมันมากกว่า และมีมวลกล้ามเนื้อน้อยกว่า

การมีมวลกล้าม เนื้อน้อยทำให้ร่างกายนำพลังงานมาใช้ได้น้อยลงทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ง่าย การรับประทานอาหารในปริมาณที่มากเกินกว่าความต้องการของร่างกาย รวมทั้ง การรับประทานโดยไม่คำนึงถึงจำนวนแคลอรีที่อยู่ในอาหาร หรือที่เรียกว่าตามใจปาก และขาดการออกกำลังกาย หรือมีการออกกำลังกายที่น้อย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคไขมันในเลือดสูง รวมทั้ง มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคเกี่ยวกับระบบกล้ามเนื้อและกระดูกโครงร่าง ขึ้นได้

ในส่วนของ โรคอ้วนลงพุง คือ ภาวะที่ไขมันสะสมในช่องท้อง หรืออวัยวะในช่องท้องมากเกินไป จนทำให้หน้าท้องยื่นออกมาชัดเจน ส่งผลทำให้เกิดระดับน้ำตาลในเลือดสูง ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคเบาหวาน หัวใจ และหลอดเลือด ขึ้นได้

เกณฑ์ในการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอ้วนลงพุงหรือไม่ มีทั้งหมด 5 เกณฑ์ ผู้ที่อยู่ในเกณฑ์ของอาการอ้วนลงพุงที่สามารถวัดได้จากเครื่องวัดไขมัน สามารถวัดน้ำหนักไขมัน น้ำหนักกระดูก น้ำหนักกล้ามเนื้อ และน้ำหนักรวมของร่างกายได้ จะมีความผิดปกติต่อไปนี้ร่วมกัน 3 ข้อขึ้นไป
-ความยาวของเส้นรอบเอว คนในประเทศแถบเอเชีย ผู้ชายมีรอบพุง 90 เซนติเมตรขึ้นไป ผู้หญิงมีรอบพุง 80 เซนติเมตรขึ้นไป
-ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือด สูงกว่า 150 มก./ดล. (มิลลิกรัม/เดซิลิตร) หรือ 1.7 มิลลิโมลต่อลิตร
-ระดับ ไขมันเอชแอลดี คอเลสเตอรอลในเลือด ผู้ชายต่ำกว่า 40 มก./ดล. หรือ 1.0 มิลลิโมลต่อลิตร ผู้หญิงต่ำกว่า 50 มก./ดล. หรือ 1.3 มิลลิโมลต่อลิตร
-ความดันโลหิต มีค่า 130/85 มม.ปรอท หรือมากกว่า ที่วัดได้จากเครื่องวัดความดัน
-ระดับ น้ำตาลในเลือด ขณะอดอาหารตอนเช้า 100 มล./ดล. หรือมากกว่า หรือเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งบุคคลได้รับการรักษาในความผิดปกตินั้น ๆ อยู่ ต้องนำมานับเข้าเกณฑ์การเป็นโรคอ้วนลงพุงร่วมด้วย

ดร.เฟล็คชเนอร์-มอร์ส หัวหน้าคณะผู้วิจัยด้านโภชนาการและโรคอ้วนลงพุง ประเทศเยอรมนีอธิบายการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เพื่อหลีกเลี่ยงโรคอ้วนลงพุง และโรคอ้วนลงพุงให้ฟังว่า สามารถทำได้ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและการได้รับโภชนาการที่สมดุล ซึ่งคนเราควรออกกำลังกายทุกวันอย่างน้อยวันละ15 นาที พร้อมทั้งแนะนำรูปแบบของการออกกำลังกาย 3 รูปแบบ ที่ควรทำควบคู่กันไป

-บอดี้ คอมโพสิชั่น เทรนนิ่ง(Body Composition Training) เป็นการฝึกด้วยการใช้กล้ามเนื้อต้านกับน้ำหนัก เช่น การยกน้ำหนัก เพื่อการสร้างมวลกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์แบบพิเศษหรือจะใช้ฟรีเวท เช่น ดัมเบล หรือบาร์เบล ซึ่งช่วยปกป้องระบบกล้ามเนื้อและกระดูก ช่วยป้องกันปัญหาเกี่ยวกับหลัง รวมทั้ง ช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุนได้ ควรจะทำสัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง ใช้เวลา 30-60 นาที โดยมีการวอร์มอัพร่างกายก่อนประมาณ 10 นาที
-การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ หรือแอโรบิก(Cardio/Aerobic Exercise) เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เพื่อฝึกความทนทานซึ่งสามารถทำได้ทุกวัน จะช่วยให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดแข็งแรงขึ้น รวมทั้ง ช่วยนำออกซิเจนเข้ามาเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ดีขึ้น และช่วยให้ความดันโลหิตลดลง ระบบการทำงานของอวัยวะหลัก ได้แก่ ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบย่อยอาหาร การควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย การนอนหลับ การตื่น และระบบอื่น ๆ ดีขึ้น
-การออกกําลังกายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น สามารถทำได้ที่บ้านทุกวันตั้ง แต่ 10 นาทีขึ้นไป เช่น การเล่นโยคะ การรำมวยจีน สำหรับการเริ่มต้นง่าย ๆ อาจออกกำลังกายเพื่อยืดกล้ามเนื้อสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หลังจากสองถึงสามสัปดาห์ถัดไปเมื่อรู้สึกว่าโอเคหรือชอบ ก็อาจเพิ่มเวลาการฝึกเป็น 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ไม่มีกฏตายตัวว่าควรจะใช้เวลาในการฝึกเท่าไหร่ สิ่งที่สำคัญกว่าการฝึกครั้งละมากๆ คือการฝึกอย่างสม่ำเสมอ

ด้าน โภชนาการ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อลดไขมันส่วนเกิน ได้แก่ กลุ่มธัญพืชที่ผ่านการขัดสีแล้ว เช่น แป้ง ขนมปัง เนื้อแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อที่ผ่านการแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม ลูกชิ้น อาหารทอดต่าง ๆ เช่น ไก่ทอด เฟรนช์ฟราย รวมถึงเครื่องดื่มที่เติมรสหวานต่าง ๆ

“นอก จากจะเลือกอาหารที่ดีแล้ว การกำหนดปริมาณอาหารที่ควรได้รับก็มีความสำคัญ เพราะแต่ละคนมีความต้องการพลังงานในแต่ละวันในปริมาณที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ซึ่งหากเราอยากทราบว่าตัวของเราเองต้องการปริมาณพลังงานเท่าไหร่ต่อวัน อาจตรวจในเบื้องต้นได้จากเครื่องวัดองค์ประกอบในร่างกาย (Body Composition Analyzer) เมื่อได้ค่าแล้วก็จะรู้ในเบื้องต้นว่าร่างกายของเราต้องการพลังงานมากน้อย กิโลแคลอรีต่อวัน ส่วน การลดน้ำหนักต้องใช้เวลา ต้องค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป ลองคิดอย่างง่าย ๆ ว่า กว่าน้ำหนักตัวเราจะขึ้นมาใช้เวลาพอสมควร เพราะฉะนั้นการจะกำจัดน้ำหนักส่วนเกินออกก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน” ดร.เฟล็คชเนอร์-มอร์ส กล่าวทิ้งท้าย.“

Cr.เดลินิวส์

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เทรนด์การแต่งหน้ารับลมหนาว ของบิวตี้กูรูชื่อดังโมเมพาเพลิน


เทรนด์การแต่งหน้ารับลมหนาว ของบิวตี้กูรูชื่อดังโมเมพาเพลิน

เทรนด์การแต่งหน้ารับลมหนาว ของบิวตี้กูรูชื่อดังโมเมพาเพลิน

โมเม นภัสสร หรือ โมเมพาเพลิน อดีตนักร้องสาว ที่ตอนนี้สาวๆ คงจะรู้จักเธอในฐานะ บิวตี้กูรูจากรายการ โมเมพาเพลิน ที่เธอมักจะให้คำปรึกษาปัญหาการแต่งหน้า การดูแลผิว และยังทำ How To การแต่งหน้าลุคต่างๆ ได้น่าสนใจ


วันนี้ จะพาสาวๆ ไปเตรียมพร้อมรับลมหนาวด้วย เทรนด์การแต่งหน้ารับลมหนาวในสไตล์ของโมเมพาเพลิน พร้อมเครื่องสำอางที่นางขาดไม่ได้ และมีเทคนิคอะไรมาบอกต่อนั้น ตามมาดูกันได้เลยค่ะ

เทรนด์การแต่งหน้าฝนช่วงหน้าหนาวที่จริงแล้วมีหลายเทรนด์นะคะ เวลาเข้าหน้าหนาวทุกอย่างจะเป็นสีเข้มขึ้นโดยอัตโนมัติ พวกที่เป็นนีออนหรือสีสดที่ไม่มีส่วนผสมของสีดำ จะค่อยๆ ลดถอยออกไป
เราจะเห็นเฉดสีแดง สีม่วงที่เข้มขึ้นเรื่อยๆ  แต่ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งหน้าสีสดไม่ได้แล้วแต่คนมากกว่า นอกจากนี้จะเห็นความฉ่ำวาวของไฮไลท์ โดยเฉพาะเมืองนอกที่อากาศแห้ง ฝรั่งจะมีเทรนด์วาวแบบเกาหลีบ้าง จะไม่ใช้หน้าแมทช์แห้งสักเท่าไหร่แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าทาทั่วทั้งหน้าเป็นลูกดิสโก้บอลนะคะ เลือกเฉพาะจุดที่อยากให้ใบหน้าดูโดนเด่น

อีกอย่างที่มาแรงไม่แพ้กันก็คือ ไลเนอร์ เขียนแบบแคทอาย ปกติสาวไทยเขียนไลเนอร์เก่งอยู่แล้ว เพียงแค่เขียนให้หางยาวนิดหน่อย เส้นคมขึ้น ชัดขึ้น บาลานซ์ระหว่างตากับปาก ถ้าชอบแต่งตาก็แต่งตาเยอะหน่อย แต่งแบบสโมกกี้ได้เลยค่ะ หรือถ้าชอบทาปากแรงๆ ไม่ต้องเน้นตาแต่ก็ยังสามารถเขียนไลเนอร์ได้อยู่นะคะ แต่ไม่ต้องหางยาวมาก เน้นเส้นเล็กๆ คมๆ ก็พอแล้วค่ะ



เครื่องสำอาง 3 ที่ขาดไม่ได้

คัตเตอร์บัต ส่วนตัวแล้ว ชอบคัตเตอร์บัตมากกว่าแปรง สามารถนำมาเก็บรายละเอียดและช่วยเบลนสีต่างๆ ได้

ลิปสติก จะมีหลายๆ สีเผื่อไว้ ปกติเป็นคนชอบใส่เสื้อผ้าโทนสีขาวดำ ถ้าจะเปลี่ยนลุคจะนึกถึงลิปสติก จะมีหลายๆ สี อย่างสีม่วงเข้ม สีแดง สีนู้ด ที่ผสมได้ แดงเอามาผสมกับสีนู้ดก็กลายเป็นชมพูได้

กระดาษซับมัน ไทยแลนด์ต่อให้เข้าช่วงหน้าหนาวแต่ก็ยัง ร้อนอยู่ดี โมเมไม่แนะนำให้เติมหน้าทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ซับหน้าอยู่แล้ว กระดาษซับมันจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับเทรนด์การแต่งหน้าในช่วงหน้าหนาวที่ใกล้จะมาถึงทุกที่ๆ สำหรับวันนี้ เกร็ดดี้ต้องขอตัวไปแต่งหน้าอัพสวยก่อนแล้วค่ะ บ๊ายยย!

Cr : sanook

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ชาร์จไฟรถยนตร์ไร้สายบนถนน

 ชาร์จไฟรถยนตร์ไร้สายบนถนน
 
พัฒนาการของรถยนต์หาใช่ขับเคลื่อนเร็วออกตัวไวเพียงอย่างเดียวหรือมีอุปกรณ์ ทันสมัยมากมายในรถไม่ว่าจะเป็นระบบนำทาง GPS  แต่การพัฒนาระบบเครื่องยนต์ที่ไม่ต้องง้อน้ำมันถือเป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่ ช่วยลดปัญหามลพิษแถมช่วยให้โลกไม่ร้อนเร็วเกินควร แต่อุปสรรคสำคัญของรถยนต์ที่วิ่งด้วยระบบไฟฟ้าคือระยะเวลาในการวิ่งที่จำกัด สั้นกว่ากางวิ่งด้วยน้ำมัน จึงทำให้ผู้ขับขี่ต้องแวะหาที่ชาร์ตแบตสํารองกลางทางเพื่อให้รถยนต์สามารถ วิ่งต่อได้อีกครั้ง แต่ถ้าเป็นไปได้เราจะได้เห็นมีที่ชาร์ตแบตสํารองบนถนนไฮเวยกันบ้าง

ความ ลำบากผู้ขับขี่ต้องแวะเสียบปลั๊กกลางทางเพื่อให้รถยนต์สามารถวิ่งต่อได้นี้ กำลังจะหมดไป เพราะนโยบายจากกระทรวงคมนาคมของประเทศอังกฤษ กำลังทดสอบเทคโนโลยีการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบไร้สายผ่านพื้นถนนไฮเวย์ (Dynamic Wireless Power Transfer) โดยที่เราไม่ต้องลงจากรถเสียบปลั๊ก แนวคิดชาร์จไฟรถยนตร์ไร้สายบนถนนนี้ต้องการกระตุ้นให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถขับเคลื่อนได้ในระยะทางที่ไกลกว่า เดิม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แอนดริวโจนส์ได้กล่าวว่า “มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่เราสามารถพัฒนาระบบการชาร์ทไฟในขณะที่รถขับ เคลื่อนบนท้องถนน รัฐบาลตัดสินใจทุ่มงบประมาณกว่า 500 ล้านปอนด์ในช่วงระยะเวลา 5 ปีเพื่อให้ประเทศอังกฤษอยู่ในแถวหน้าของการพัฒนาด้านเทคโนโลยีชาร์จไฟรถ ยนตร์ไร้สายบนถนน ผลลัพธ์ของมันนอกจากจะช่วยสร้างงานแล้วยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ให้ดียิ่งขึ้นด้วย”

การทดสอบชาร์จไฟรถยนตร์ไร้สายบนถนนอย่างเป็นทาง การจะเริ่มต้นภายในปีนี้ กินระยะเวลาประมาณ 18 เดือน โดยทีมงานจะติดตั้งเทคโนโลยีการชาร์จไฟระบบไร้สายบนรถยนต์และพื้นถนน ถ้าการทอสอบประสบความสำเร็จ ทางภาครัฐก็พร้อมที่จะติดตั้งระบบการชาร์จไฟรถยนตร์ไร้สายบนถนนนี้บนถนน ไฮเวย์

นอกจากนี้ยังมีการวางแผนติดตั้งจุดชาร์ทไฟแบบเสียบปลั๊กใน ทุกๆ 20 ไมล์บนมอเตอร์เวย์ เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาเลือกใช้รถยนต์จากพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น อีกหนึ่งแนวคิดรักษ์โลก ที่ช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานจากน้ำมันอย่างเป็นระบบ โดยภาครัฐมอบความสะดวกสบายเพื่อสนับสนุนให้คนหันมาใช้รถยนต์จากพลังงานไฟฟ้า มากขึ้นและพร้อมลงทุนชาร์จไฟรถยนตร์ไร้สายบนถนนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

Cr.กรุงเทพธุรกิจ

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

บาร์โค้ด 3 มิติ


ปัจจุบันวิวัฒนาการของบาร์โค้ด(Barcode) พัฒนาไปมาก ทั้งรูปแบบและความสามารถในการเก็บข้อมูล  โดยบาร์โค้ดที่ใช้ในยุคสมัยนี้มีทั้งแบบ 1 มิติ 2 มิติ และกำลังจะมาเร็ว ๆ นี้ บาร์โค้ด 3 มิติแบบเข็ม แต่ที่เราใช้กันทั่วไปในสินค้านั้นเป็นแบบมิติเดียว บันทึกข้อมูลได้จำกัด ตามขนาดและความยาว โดยบาร์โค้ด 2 มิติ จะสามารถบันทึกข้อมูลได้มากกว่าแบบอื่น ๆ มาก และขนาดเล็กกว่า รวมทั้งสามารถพลิกแพลงการใช้งานได้มากกว่า ขนาดที่ว่าสามารถซ่อนไฟล์ใหญ่ ๆ ทั้งไฟล์ลงบนรูปภาพได้เลยทีเดียว

ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแบรด ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ร่วมกับบริษัท ซอฟแมท ผู้ให้บริการเทคโนโลยีป้องกันการปลอมแปลง พัฒนาระบบบาร์โค้ด 3 มิติแบบใหม่ที่สามารถติดตั้งลงในเนื้อวัสดุหรือสินค้าอย่างเช่นเวชภัณฑ์ ต่างๆ เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและลอกเลียนแบบสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบ บาร์โค้ด 3 มิติแบบใหม่ไม่ได้ใช้แถบสีดำพิมพ์ลงบนบรรจุภัณฑ์เหมือนเช่นที่เราคุ้นเคยกัน ซึ่งพบว่ามีการปลอมแปลงได้ง่าย แต่ใช้เข็มขนาดเล็กมากจัดเป็นกลุ่มเรียงตัวอยู่ด้วยกันโดยแต่ละเล่มมีความ สูงไม่เท่ากัน เข็มแต่ละชุดจะใช้แทนตัวอักษรและตัวเลขแตกต่างกันออกไป บาร์โค้ด 3 มิติแบบเข็มเหล่านี้สามารถนำไปใช้งานได้สองรูปแบบ คือ สามารถติดตั้งไว้กับแบบหล่อหรือเบ้าของสินค้า หรือเวชภัณฑ์ ตั้งแต่ในกระบวนการผลิตเลยก็ได้ หรือจะนำมาใช้ประทับเป็นบาร์โค้ด 3 มิติลงในเนื้อผลิตภัณฑ์เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ ผลิตแล้วก็ได้อีกเช่นกัน

ผลลัพธ์ ที่ได้แทบจะมองไม่เห็นบาร์โค้ด 3 มิติด้วยตาเปล่า หรือแม้แต่ใช้มือลูบบาร์โค้ด 3 มิติยังแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างของพื้นผิว แต่หากใช้อุปกรณ์ เครื่องอ่านบาร์โค้ด ด้วยเลเซอร์สแกนในตรวจสอบจะสามารถตรวจสอบที่มาของผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นได้ อย่างรวดเร็ว สามารถใช้ในการติดตามเส้นทางการเคลื่อนไหวและพิสูจน์ผลิตภัณฑ์ว่าเป็นของแท้ หรือของปลอมที่ทำเทียมเลียนแบบขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว

สภาหอการค้า สากล (ไอซีซี) ระบุว่า ปัจจุบันสินค้าปลอมแปลงทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ก่อให้เกิดปัญหาแก่ผู้บริโภคอย่างมาก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ปลอมเป็นปัญหาต่อทั้งผู้ซื้อและเจ้าของสินค้าตัวจริง ในขณะที่เวชภัณฑ์ปลอมมีอันตรายถึงตาย เพราะมีปริมาณตัวยาผิดๆ หรือไม่มีตัวยาอยู่เลย แต่หากได้นำเทคโนโลยีบาร์โค้ด 3 มิติ มาใช้ ก็สามารถช่วยป้องกันการปลอมแปลงสินค้าได้ในอนาคต

การนำเทคโนโลยีบาร์ โค้ด 3 มิติเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ อาทิ ด้านการค้า โดยนำบาร์โค้ด 3 มิติมาติดกับตัวสินค้าผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อใช้ในการจัดเก็บชื่อ รหัส และราคาของสินค้า หรือทางด้านการจัดการสต๊อกสินค้า ช่วยในการตรวจสอบจำนวนสินค้าคงเหลือได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทั้งนี้การนำบาร์โค้ดมาใช้อย่างแพร่หลายและเป็นที่นิยมกันมาก ทว่า คุณสมบัติที่มีอยู่ของบาร์โค้ดแบบ 1 มิตินั้น ยังไม่รองรับความต้องการของผู้ใช้งานได้มากเท่าที่ควร เช่น การบรรจุข้อมูลได้น้อย และการใช้ฐานข้อมูลในการจัดเก็บ และความปลอดภัยจากการปลอมแปลง เป็นต้น ดังนั้นจึงทำให้มีการพัฒนาบาร์โค้ด 2 มิติขึ้นมา และก้าวอีกขั้นของการปกป้องข้อมูลและการปลอมแปลง จึงเกิดเทคโนโลยีบาร์โค้ด 3 มิติ ในอนาคตอันใกล้นี้

Cr.มติชน

"โนเกีย"พร้อมขยายโครงข่าย 4G

"โนเกีย"พร้อมขยายโครงข่าย 4G
Photo : innovation.verizon

"โนเกีย"พร้อมขยายโครงข่าย 4G  ย้ำประมูล 4G ดันจีดีพีไทยโต 2.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ  นายแดนเนียล มาวซูฟ หัวหน้าฝ่ายการตลาด และสื่อสารองค์กร ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และญี่ปุ่น โนเกีย เน็ตเวิร์คส์ เปิดเผยว่า การประมูล 4G บนคลื่น 900 และ 1800 MHz เดือน พ.ย.นี้จะช่วยให้จีดีพีของประเทศมาจากอุตสาหกรรมไอซีทีเติบโตขึ้น 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (8.2 แสนล้านบาท) ภายในปี 2563 ตามข้อมูลการศึกษาของสมาคมจีเอสเอ็มเอ จากการลงทุนโครงข่ายของผู้ชนะประมูล รวมถึงอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องอื่นที่จะนำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจของ ตนเอง

โนเกีย(Nokia) ย้ำการประมูลคลื่น 900 และ 1800 MHz มีส่วนสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ"โนเกีย"พร้อมขยายโครงข่าย 4G   ปัจจุบันการใช้ข้อมูล (Data) เติบโตรวดเร็วสวนทางเสียง (Voice) จากความต้องการในการใช้โมบายอินเทอร์เน็ตของผู้บริโภค และอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งบริการ 4G บน 2 ความถี่ตอบโจทย์ได้ด้วยความเร็วที่มากกว่า 3G ถึง 10 เท่าตัว ทำให้ความหน่วงของสัญญาณลดลงจนการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ด้วยกัน (M2M) ดีขึ้น หากเราดูภาพวิดิโอบนมือถือสมาร์ทโฟนจากกล้อง IP Camera ก็จะได้ภาพต่อเนื่องรวดเร็วและชัดเจนอีกด้วย เป็นต้น

ถ้าไล่ตั้งแต่ 3G เป็นการใช้โมบายอินเทอร์เน็ตเบื้องต้น(Mobile Internet) 4G เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพความเร็ว และ 5G ลดความหน่วงของสัญญาณเพื่อใช้งานระหว่างอุปกรณ์ เช่น รถยนต์ที่ขับเองได้ หรือการบริหารจราจรอัจฉริยะ 5G ตอบโจทย์สมาร์ทซิตี้ด้วย ทำให้การสั่งการต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ทันที แต่ในไทยต้องรออีกระยะเพราะโอเปอเรเตอร์เพิ่งลงทุน 3G เมื่อ 3 ปีก่อน ปีนี้โอเปอเรเตอร์และ"โนเกีย"พร้อมขยายโครงข่าย 4G

ด้านนายฮาราลด์ ไพรซ์ หัวหน้ากลุ่มธุรกิจเน็ตเวิร์ก ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โนเกีย เน็ตเวิร์คส์กล่าวว่า อยู่ระหว่างควบรวมกิจการกับ "อัลคาเทล-ลูเซ่น" คาดว่าจะเสร็จในครึ่งแรกของปี 2559 ทำให้บริษัทเป็นผู้ให้บริการและจำหน่ายอุปกรณ์โทรคมนาคมทุกรูปแบบ ต้นปีหน้ารุกขยายตลาดบริการครบวงจร ย่ำ"โนเกีย"พร้อมขยายโครงข่าย 4G กับโอเปอเรเตอร์ทุกราย

เมื่อโนเกีย(Nokia)รวมกับอัลคาเทลฯ ก็จะกลายเป็น 1 ใน 2 ซัพพลายเออร์ด้านโมบายเน็ตเวิร์ก(Mobile Network), ฟิกซ์เน็ตเวิร์ก(Fixed Network), ไอพี-ออฟติคอลเน็ตเวิร์ก(IP Optical Network)ที่ได้มาจากอัลคาเทลฯและแอปพลิเคชั่นกับระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่ พัฒนาร่วมกันในชื่อ Nokia Ad Analytics ทั้งหมดจะเข้ามาทำตลาดในไทย "โนเกีย"พร้อมขยายโครงข่าย 4G รองรับการนำข้อมูลที่มีมาใช้โดยวิเคราะห์แบบบิ๊กดาต้าเป็นเรื่องที่สำคัญ

สำหรับ ในประเทศไทยมีเอไอเอสเป็นลูกค้าหลักส่วนรายอื่นก็ใช้แต่น้อยกว่า หลังประมูล 4G เสร็จ"โนเกีย"พร้อมขยายโครงข่าย 4G ก็จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผู้ชนะประมูลเพื่อช่วยพัฒนาโครงข่ายให้มี ประสิทธิภาพทั้งโมบายและฟิกซ์เน็ตเวิร์ก

ส่วนการเป็นพันธมิตรกับ บมจ.ทีโอทีเพื่อขยายโครงข่าย 3G บนคลื่น 2100 MHz ระยะที่ 2 ต้องรอความชัดเจนจากพันธมิตร หลังขยายโครงข่ายระยะแรกในกรุงเทพฯ ถ้าพันธมิตรมีข้อเสนอที่ดี "โนเกีย"พร้อมขยายโครงข่าย 4G  เพราะตลาดประเทศไทยมีโอกาสอีกมากจากจำนวนเลขหมายโทรศัพท์มือถือที่มีมากกว่า 100 ล้านเลขหมาย มีการใช้ดาต้าเพิ่มขึ้น 165% ภายในปี 2563 เทียบกับปี 2558

นายฮาราลด์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเริ่มมีการทดลอง 5G บนคลื่น 1800 MHz และ 2600 MHz ในศูนย์วิจัยและพัฒนาที่ฟินแลนด์ และผู้ให้บริการในเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้ความเร็วที่ 10 Mbps และความหน่วงของสัญญาณเพียง 1 มิลลิวินาที ตอบโจทย์การใช้งาน M2M และบริการยุค IoT (Internet of Things) ทำให้ทุกอย่างเชื่อมต่อกันได้อย่างไร้รอยต่อที่สุด คาดว่า 5G จะให้บริการแพร่หลายในปี 2563

Cr.ประชาชาติธุรกิจ

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

5 ละครเปรี้ยง ชมพู่ อารยา



นางเอกตัวแม่ของวงการบันเทิงอีกคน ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต เกิดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2524 เข้าสู่วงการเมื่อปี พ.ศ. 2541 ขณะอายุได้ 17 ปี จากการประกวด "มิสมอเตอร์โชว์" ปีเดียวกับ เข็ม-รุจิรา ช่วยเกื้อ ต่อมาได้รับการติดต่อจาก รัมภา ภิรมย์ภักดี ผู้เขียนบทประจำบริษัทดาราวิดีโอให้มาทดสอบหน้ากล้อง และผ่านการทดสอบจึงได้เซ็นสัญญากับบริษัทดาราวิดีโอ ละครเรื่องแรกที่เล่นคือ เพลงพราย ทางช่อง 7 สี ประกบกับ บี๋-สวิช เพชรวิเศษศิริ

จากนั้นก็มีผลงานมาโดยตลอด โดยมาโด่งดังจากบท แอนนี่ ในละครเรื่องดัง หมอลำซัมเมอร์ โดยเธอได้ร้องเพลงประกอบด้วย และยังได้รับโอกาสให้มาร้องเพลงประกอบละครอีกหลายต่อหลายเรื่อง แต่มาเปรี้ยงเป็นซุปตาร์จริงๆ เมื่อย้ายช่องมาอยู่วิก 3 พระราม4  วันนี้เราจะพาไปดู 5 ละครเปรี้่ยงของเธอกัน
หมอลำซัมเมอร์ ทางช่อง 7 ออกอากาศวันพุธ - พฤหัสบดี เริ่มตอนแรกวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2546 อวสานวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2546 แนวดราม่า คอเมดี พระเอกคือ ณัฐวุฒิ สกิดใจ ถือเป็นละครที่แจ้งเกิดของชมพูู่ เพราะเป็นละครที่ดูง่าย สนุกสนาน แต่แฝงแง่คิดดีเรื่องของศิลปะทางอีสานของไทยไว้

แก้วตาหวานใจแก้วตาหวานใจ ทางช่อง 7 ปี พ.ศ. 2546 นำแสดงโดย ภาณุ สุวรรณโณ, อารยา เอ ฮาร์เก็ต เป็นละครคอมเมดี้อีกเรื่องที่โด่งดังมากสมัยนั้น เป็นอีกหนึ่งละครที่เรตติ้งสูงชองช่อง 7 เพราะเป็นเรื่องกุ๊กกิ๊กเบาสมอง แถมยังมีดาราเด็ก ที่มาช่วยเพิ่มความน่ารักอีกด้วย


ดาวเปื้อนดิน ทางช่อง 7 ออกอากาศทุกวัน ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ผลิตโดย โพลีพลัส ในปี พ.ศ. 2551 นำแสดงโดย วีรภาพ สุภาพไพบูลย์, วรนุช ภิรมย์ภักดี และ อารยา เอ ฮาร์เก็ต เรื่องนี้ชมพู่ประกบนางเอกรุ่นเดียวกันอย่างนุ่น วรนุช เป็นละครดราม่าที่ทั้งคู่เชือดเฉือนบทบาทกันอย่างเข้มข้น และเป็นละครเรื่องสุดท้ายของ ชมพู่กับช่อง 7

ดอกส้มสีทอง ทางช่อง 3 เป็น ละครที่สร้างชื่อให้ ชมพู่มากที่สุดตั้งแต่เข้าวงการบันเทิงมา เพราะตัวบทที่แรงอยู่แล้ว ประกอบกับฝีมือการแสดงของชมพู่ ทำให้ละครในตอนจบของเรื่อง เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล กลุ่มคนดูอายุ 15-44 ปี วัดเรตติ้งได้ 24.7 ทั้งกระแสของละครเรื่องนี้ยังได้ก่อให้เกิดเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ใน สังคมอย่างกว้างขวาง โดยมีผู้ต้องการให้เปลี่ยนเนื้อหา โดยเรียกร้องผ่านไปยังกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องจากมองว่าตัวละครเอก คือ เรยา มีพฤติกรรมชอบแย่งสามีคนอื่นและมีฉากเพศสัมพันธ์มากเกินไป ไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน

ทรายสีเพลิง ทางช่อง 3 แม้จะได้เสียงวิจารณ์โดยนำไป เปรียบเทียบกับเวอร์ชั่น หมิว ลลิตา แต่ละครเรื่องนี้ในเวอร์ชั่น 2557 ก็ยังได้รับความนิยมจากผู้ชมสูงอยู่ดี และนับได้ว่าเป็นอีกผลงานเปรี้ยงของ ชมพู่ อารยา 

Cr :  sanook

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

คอมพิวเตอร์ PowerBank

มาแล้วคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก Kangaroo PC หรือ คอมพิวเตอร์ PowerBank จาก InFocus ที่ถือว่าเป็นคอมพิวเตอร์พกพาที่มีขนาดเล็กที่สุด ด้วยน้ำหนักแค่ 200 กรัม สูง 12.4 ซม. กว้าง 8.05 ซม. หนา 1.29 ซม.ที่วัดได้จากเครื่องมือวัด เวอร์เนียคาลิปเปอร์ (Vernier Caliper) เรียกว่าขนาดพอๆกับ phablet หลายรุ่นที่วางขายในตลาดตอนนี้

ตัว เครื่องคอมพิวเตอร์ PowerBank จะแบ่งเป็นสองส่วนแยกออกจากกันได้ คือส่วนที่เป็นหน่วยประมวลผลและฐานโดยในส่วนฐานจะประกอบด้วยพอร์ตต่างๆดัง นี้ HDMI, USB 2 พอร์ตและพอร์ตสำหรับต่อสายอแดปเตอร์ ในการใช้งานมันสามารถเสียบต่อกับจอต่างๆให้กลายเป็น คอมพิวเตอร์ PowerBank เต็มรูปแบบไม่ว่าจะเป็นจอมอนิเตอร์, ทีวี หรือจอโปรเจคเตอร์ แม้แต่ไอแพดด็ต่อได้นะ แต่จะต้องลงแอปฟรี OS Link เพิ่มซะก่อน

ส่วน สเปคของคอมพิวเตอร์ PowerBank นั้นจะมาพร้อมกับชิพ Intel Cherrytrail (Atom Z8500) 2.24GHz ที่ไม่จำเป็นต้องใช้พัดลมระบายความร้อน จึงทำให้ออกแบบมีขนาดเล็กได้ ในส่วนของ RAM จะเป็น LPDDR3 ขนาด 2GB พื้นที่เก็บข้อมูล  eMMC 32 GB

ถ้ายังไม่พอตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ PowerBank สามารถเพิ่ม microSD ได้อีกสูงสุด 128 GB สำหรับการเชื่อมต่อมาพร้อมกับ Dual-band wireless AC ที่ช่วยให้การรับส่ง Wi-Fi เร็วขึ้น จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องมีพอร์ต ethernet  นอกจากนั้นยังมี Bluetooth 4.0 สำหรับเชื่อมต่อกับเม้าส์และคีย์บอร์ดไร้สาย

ภาย ในคอมพิวเตอร์ PowerBank มีแบตเตอรี่ในตัวสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 4 ชั่วโมงหรือใครอยากจะต่อไฟบ้านก็ได้ไม่ว่ากัน ซึ่งแบตนี้ยังสามารถใช้เป็นแบตเตอรี่สำรอง สำหรับชาร์จสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้ด้วย นี่ถือว่าเป็นทั้งคอมพิวเตอร์ PowerBank ขนาดเล็กแล้วยังสามารถทำหน้าที่เป็นแบตเตอรี่สำรองได้อีกด้วย

ตัว คอมพิวเตอร์ PowerBank มาพร้อมกับระบบปฏิบัติ Windows 10 Home Edition ซึ่งใช้งานได้ดีกับงานทั่วไป ท่องเว็บ ใช้งานโปรแกรมออฟฟิซ นอกจากนั้นยังเพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบสแกนนิ้วป้องกันคนอื่นมาแอบใช้ เครื่องคอมพิวเตอร์ PowerBank ได้อีกด้วย

สำหรับคนที่สนใจสามารถ สั่งซื้อคอมพิวเตอร์ PowerBank ได้ทางเว็บ Newegg.com และร้านออนไลน์ของ Microsoft โดยจะเริ่มส่งของกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ สนนราคาก็ 99 ดอลล่าร์หรือ 3,600 บาทเท่านั้นเอง

ส่วนแผนการในอนาคตทางบริษัทก็ เตรียมปล่อยคอมพิวเตอร์ PowerBank รุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงเข้ามาเติมเต็ม รวมถึงออกแบบส่วนฐานใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มฟังก์ชั่นการทำงานให้กับ Kangaroo PC หรือ คอมพิวเตอร์ PowerBank

Cr.Dailygizmo

สมาร์ทโฟนคอมพิวเตอร์

สมาร์ทโฟนคอมพิวเตอร์


สมาร์ทโฟนคอมพิวเตอร์
จากงาน Microsoft Windows 10 Event ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวอุปกรณ์มากมาย เช่น Surface Pro 4 Surface Book Lumia 950 และ 950 XL แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ สมาร์ทโฟนคอมพิวเตอร์ หรือโปรเจ็ก Microsoft Continuum ที่ต่ออุปกรณ์มือถือสมาร์ทโฟน ให้เป็นคอมพิวเตอร์ได้ด้วยกล่อง Microsoft Display Dock ไมโครซอฟท์ประกาศว่า สมาร์ทโฟนคอมพิวเตอร์ หรือโปรเจ็ก สมาร์ทโฟนคอมพิวเตอร์ (Continuum for phones) ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้มือถือสมาร์ทโฟนของเราแปลงกายเป็นคอมพิวเตอร์ได้

เป็น ที่รู้กันว่ามือถือสมาร์ทโฟนในสมัยนี้ก็คือคอมพิวเตอร์ เครื่องย่อมๆ ที่สามารถพกพาไปได้ทุกที่ อำนวยความสะดวกและความบันเทิงมากมาย ทำลายข้อจำกัด จากแต่ก่อนว่าต้องอยู่กับคอมพิวเตอร์ PC หรือ โน้ตบุ๊คเท่านั้น แต่สำหรับการเปิดตัวของ Windows 10 (Windows 10 for phones) ที่คาดว่าจะเริ่มเปิดให้ใช้งานได้อย่างเป็นทางการในช่วงซัมเมอร์นี้ แล้วจะได้เห็นว่าสมาร์ทโฟนคอมพิวเตอร์ เป็นได้ทั้งมือถือและคอมพิวเตอร์ในตัว

ทางไมโครซอฟท์ ยังได้พัฒนาความสามารถให้กับ Windows 10 สำหรับมือถือสมาร์ทโฟน (Windows 10 for phones) ให้สามารถเชื่อมต่อผ่่านกล่อง Microsoft Display Dock แสดงผลกับจอโทรทัศน์ จอ LCD ได้อย่างไร้รอยต่อด้วยโปรเจคที่ชื่อว่า สมาร์ทโฟนคอมพิวเตอร์ Microsoft Continuum โดยจะช่วยให้มือถือสมาร์ทโฟนหรือแท๊บเลตสามารถเป็น Hub เชื่อมต่อระหว่างจอทีวีและอุปกรณ์ไร้สาย เช่น คีย์บอร์ด  เม้าส์ หรือ เครื่องสแกนแบบพกพา เป็นต้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

และ ด้วยซอฟท์แวร์ของไมโครซอฟท์ ที่มีในส่วนของ MS Office เป็นจุดขายหลัก สามารถเชื่อมต่อทำงานได้ผ่านเครือข่ายในระบบกลุ่มเมฆ (Cloud) ของ OneDrive อยู่แล้ว ก็เป็นไปได้ว่าก้าวพัฒนาการต่อไปของมือถือสมาร์ทโฟนให้เป็นสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ จะยิ่งน่าตื่นเต้นและมอบประสบการณ์ทำงานและความบันเทิงได้ดียิ่งขึ้นกว่า เดิม ซึ่งไมโครซอฟท์พัฒนาทั้งซอฟแวร์(Windows 10 for phones)และฮาร์ดแวร์ (Microsoft Display Dock)

แนวคิดสมาร์ทโฟนคอมพิวเตอร์ (Continuum for phones) คือการนำมือถือสมาร์ทโฟนหรือ Windows Phone มาต่อจอโทรทัศน์ จอคอมพิวเตอร์ภายนอก หรือจอ LCD แล้วต่อเมาส์และคีย์บอร์ด ก็สามารถใช้งานเหมือนเป็นคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่ง (แนวคิดเดียวกับ Ubuntu Phone) โดยหน้าจอของมือถือ กับหน้าจอที่ต่อเพิ่มเข้ามาจะแยกกันเป็นคนละจอ ใช้งานแต่ละจอแยกจากกันได้ โดยเจ้าตัวนี้สมาร์ทโฟนคอมพิวเตอร์ที่มี Microsoft Continuum นี้มีทั้งพอร์ต USB 3 ช่อง รวมไปถึง พอร์ด HDMI และพอร์ต Display สามารถเสียบเป็น USB Drive ได้ด้วย

แอพที่รันใน โหมด Microsoft Continuum จะรองรับการควบคุมด้วยเมาส์และคีย์บอร์ดเต็มรูปแบบ สามารถสั่งคัดลอกข้อความบนหน้าจอมือถือ แล้วมา Ctrl+V ด้วยคีย์บอร์ดได้เลย  ไอเดียของไมโครซอฟท์ คือเมื่อสมาร์ทโฟนคอมพิวเตอร์ มีความสามารถเทียบเท่าพีซี(PC)หรือ คอมพิวเตอร์ัตัวหนึ่ง ต่อไปเราก็สามารถพกแค่ สมาร์ทโฟนคอมพิวเตอร์ ติดตัวไปก็เท่านั้นเอง และถ้าที่ทำงานเตรียมพื้นที่พร้อมอุปกรณ์ที่มี จอภาพ LCD เมาส์ และคีย์บอร์ดไว้ให้ ใครๆ ก็สามารถเดินเข้ามานั่งทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยพกแค่มือถือสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว

ไมโครซอฟท์บอกว่า สมาร์ทโฟนคอมพิวเตอร์ (Continuum for phones) จำเป็นต้องใช้ฮาร์ดแวร์มือถือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวพร้อม Windows 10 (Windows 10 for phones) รุ่นสมบูรณ์ เนื่องจากใช้ซีพียู Qualcomm รุ่นใหม่ที่สามารถประมวลผล 2 จอได้พร้อมกัน ก็ต้องรอดูสมาร์ทโฟนคอมพิวเตอร์ในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่จะออกแบบรองรับสนับ สนุนกับฟีเจอร์ตัวนี้ต่อไปในอนาคตและอีกไม่นานจากนี้ โดยไม่ต้องต่อผ่านกล่อง (Microsoft Display Dock) อีกต่อไป

Cr.Mobile ร้ายสาระ,MXphone

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

พวงมาลัยเพื่อนักดื่ม

พวงมาลัยเพื่อนักดื่ม


พวงมาลัยเพื่อนักดื่ม
"พวงมาลัยเพื่อนักดื่ม" เหมาะสำหรับเพื่อนักดื่มแอลกอฮอล์ เมาไม่ขยับ-กลับไม่ได้

รายงาน ข่าวจากวงการรถยนต์แจ้งว่า บริษัท โซเบอร์ สเตียริ่ง (Sober Steering) หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตพวงมาลัยน้องใหม่จากอเมริกา ได้คิดค้น"พวงมาลัยเพื่อนักดื่ม" เป็นพวงมาลัยวัดระดับแอลกอฮอล์ออกมา สำหรับนักดื่มทั้งหลายที่ยอดเสียชีวิตเฉลี่ยปีละกว่า 11,000 คน ในสหรัฐอเมริกาประเทศเดียว ทำให้ทางบริษัทคิดค้น"พวงมาลัยเพื่อนักดื่ม" หรือ พวงมาลัยวัดระดับแอลกอฮอล์ออกมา
เป็นการใช้ความทันสมัยของ การตรวจจับแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดผ่าน ชุดไบโอเมตริก เซ็นเซอร์ (Biometric Sensor) สามารถอ่านค่าแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดได้เพียงแค่ ผู้ขับขี่แตะใช้งานพวงมาลัยเหมือนกับการขับรถธรรมดาทั่วไป

นอกจากจะ วัดค่าแอลกอฮอลล์ในกระแสเลือดได้แล้ว "พวงมาลัยเพื่อนักดื่ม" นี้ยังสามารถติดตามผลของระดับแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดโดยส่งข้อมูลผ่านทางระบบ ดาวเทียม จีพีเอส (GPS) ไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สมาชิกในครอบครัว ตลอดจนผู้จัดการฟลีทรถของบริษัทได้อีกด้วย แต่อีกหน่อยน่าจะมีเซนเซอร์ตรวจสุขภาพคนขับน่าจะดี ทั้ง เครื่องวัดความดัน เครื่องวัดออกซิเจน หรือ เครื่องวัดชีพจร ฯลฯ เพราะเราเป็นห่วงนักดืมและคนเดิมถนน ชีวิตจะได้ปลอดภัยทั้งคู่

แค ทเธอรีน แคลรอล ซีอีโอ โซเบอร์ สเตียริ่ง (Sober Steering) อดีตผู้บริหารจากเจพี มอร์แกน กล่าวว่า ทุกคนที่เป็นนักขับเมื่อดื่มก็มักจะบอกว่าไม่เป็นไร ฉันขับได้สบายมาก แต่การตัดสินใจไม่ควรเป็นของคนดื่ม แต่ควรเป็นของคนที่รู้ว่าสภาวะคุณเป็นอย่างไรในตอนนั้น การพัฒนาตัว"พวงมาลัยเพื่อนักดื่ม"ใช้เวลากว่า 5 ปี
เริ่มจากการทดลองในรถโรงเรียน ที่โรงเรียนใกล้ๆ บริษัทในเมืองออนตาริโอ และสร้างความสนใจให้กับทางการอยากจะยัด"พวงมาลัยเพื่อนักดื่ม"เข้าไปในรถ ยนต์ทุกคันบนถนน เพื่อป้องกันพวกเมาแล้วขับทั้งหลาย

แคลรอลกล่าวว่า สำหรับวิธีการทำงานของ "พวงมาลัยเพื่อนักดื่ม" นั้นง่ายมาก ถ้าคุณไม่มีแอลกอฮอล์ ระบบก็จะอนุญาตให้คุณขับรถตามปกติ แต่ถ้าคุณมีแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดเมื่อไร รถจะขยับไม่ได้ แต่คุณก็ยังมีความร้อนให้อบอุ่น มีไฟฟ้าให้ใช้งาน แต่แค่ขับรถออกไปไม่ได้ ทั้งหมดทั้งปวงก็เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง และเพื่อนร่วมทาง

Cr. นสพ.มติชน

หนึ่งความภาคภูมิใจ "ดาราดัง" พาเหรดรับปริญญา 58

“ซาร่า” ร่วมเฟรมครอบครัว “พระไมค์” บรรยากาศเผชิญหน้าดี ชี้ไม่สนิท “ออม” เปิดอกเคลียร์คงแปลก
        “ซาร่า คาซิงกินี” ปัดแชะภาพร่วมเฟรมครอบครัว “พระไมค์” สยบดราม่า เผยบรรยากาศระหว่างเผชิญหน้าดี เมินติ่งจีนถล่มในไอจี โนคอมเมนต์ “ทีมซาร่า - ทีมออม” ซัดกันนัว วอนรักกัน ไม่เก็บมาคิดมาก บอกไม่ต้องเคลียร์ “ออม” เพราะไม่รู้จักกัน ย้ำไม่สนิท
ADVERTISING
     
       เรียกว่าอลหม่านหลังงานบวชกันเลยทีเดียว สำหรับ “พระไมค์” พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล โดยเฉพาะประเด็น “ซาร่า คาซิงกินี” กับ “ออม สุชาร์ มานะยิ่ง” ที่ถูกจับตามองว่าครอบครัวพระไมค์กีดกันซาร่าออกนอกหน้า แถมดึงตัวออมถ่ายภาพร่วมเฟรมประหนึ่งเป็นคนในครอบครัว ทำให้ออมถูกโซเชียลถล่มเละอยู่ไม่น้อย แม้ซาร่าจะออกมาชี้แจงไปแล้วว่าตนไปร่วมงานด้วยใจบริสุทธิ์ อีกทั้งกรณี “คุณยายน้อง” เพื่อนสนิทคุณยายแท้ ๆ ของ “น้องแม็กซ์เวลล์” ที่ออกมาโพสต์ข้อความ “เจอสายตาอำมหิต - เกลียดตัวกินไข่” จนทำให้ถูกจับโยงไปถึงครอบครัวพระไมค์ หรือแม้กระทั่งมีแฟนคลับจีนบางรายโพสต์ข้อความทำนองด่าทอสาวซาร่าในอินสตาแก รม งานนี้ซาร่าเลยขอชี้แจงทุกกรณีในงานแถลงข่าวโครงการ “ร้อยใจไทยสู่ชายแดนใต้ (เสื้อทรงพระเจริญ ๒๕๕๘)” ปี ๒ ลานกิจกรรม หน้าโรงภาพยนตร์สยามภาวลัย สยามพารากอน ย้ำไม่อยากรับสารดราม่า อยากให้ทุกคนรักกัน ส่วนช่วงเช้าที่ผ่านมาร่วมแชะภาพร่วมเฟรมกับครอบครัวพระไมค์ บรรยากาศการเผชิญหน้าดีไม่มีปัญหา
     
       “เมื่อเช้าพาน้องไปตักบาตรทำบุญวันแรกเลยค่ะ ก็มีภาพครอบ ครัวค่ะ เราไปไม่ได้บอกใคร แต่พอไปที่วัดเราก็เจอพ่อแม่พระอยู่ค่ะ ส่วนสยบข่าวไหม(หัวเราะ) จริง ๆ ซาร่ากับทางบ้านพระไม่ได้มีอะไรกันอยู่แล้วเนอะ ไม่ได้มีว่าต้องสยบหรือไม่สยบ บรรยากาศก็ดีค่ะ แม่พระก็มีคุยเรื่องแม็กซ์เวลล์ เขาก็มีบอกวิธีการสอนเราว่าสอนน้องแบบนี้นะ แบบนั้นนะ ส่วนจะไปบ่อยขึ้นไหมถ้าว่างก็ไปค่ะเพราะเราเป็นคนชอบทำบุญอยู่แล้ว”
     
       “แม็กซ์เวลล์จำย่าได้ไหมอันนี้ไม่รู้เหมือนกันเพราะเขายังสื่อสารไม่ได้รู้เรื่องขนาดนั้น จริง ๆ แม็กซ์เวลล์เข้ากับทุกคนได้ค่ะ เวลาเจอใครเขาก็เล่นหมดเลย ก็ไม่ได้มีการพูดถึงข่าวกันค่ะ ส่วน พระปกติเวลาเขาเจอพระเขาจะวิ่งเข้าใส่นะ แต่ตอนนี้เหมือนเขางง ๆ อาจไม่มีผม เลยมึน ๆ อะไรอย่างนี้ ทุกคนในวัดตอนที่เห็นก็พูดเหมือนกันหมดว่าสงสัยพ่อไม่มีผมเลยงง ๆ”
     
       เมินแฟนคลับจีนตามถล่มในไอจี ไม่อยากรับสารดราม่า ส่วนกรณี “ทีมซาร่า - ทีมออม” ซัดกัน ขอโนคอมเมนต์
       “จริง ๆ เราก็อ่านบ้างแต่เราไม่เข้าใจภาษาจีนไง เราเลยไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอะไร หมายถึงอะไร คงไม่ไปแปลดีกว่า เพราะเราอยู่เมืองไทย(หัวเราะ) ไม่ได้อยู่เมืองจีน จริง ๆ ซาร่าก็ไม่อยากรับสารอะไรที่มันดราม่าหรือไม่ได้เกี่ยวกับเรา ก็ปล่อยให้เขาคอมเมนต์ไปดีกว่า ซาร่าไม่เครียดนะ เป็นคนใจเย็น มองโลกในแง่ดี ไม่เก็บมาคิดมากค่ะ ส่วนที่มีทีมซาร่า ทีมออมตีกัน ซาร่าก็ไม่อยากออกความคิดเห็นเรื่องนี้นะ ไม่อยากให้มีดราม่าอะไรเยอะ บนโลกนี้พูดง่าย ๆ มนุษย์ทุกคนรักกันดีกว่าค่ะ”
     
       ยัน “ยายน้อง” โพสต์ข้อความไม่เกี่ยวกับครอบครัวพระไมค์ อีกฝ่ายลบทิ้งเพราะกระทบตนกับลูก
       “จริง ๆ วันบวชซาร่าไม่ได้เจอยายน้องนะ จนอีกวันหนึ่งยายน้องเขาทักมาบอก ซาร่าก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอ เขาก็ทะเลาะกับเพื่อน ซึ่งอันนี้ซาร่าไม่ได้ยุ่งเรื่องส่วนตัวแกเนอะ เขาแค่บอกว่าทะเลาะกับเพื่อนมีปัญหา ซึ่งพอเขาโพสต์ไปแล้วมากระทบซาร่า ตัวคุณยายก็มาขอโทษซาร่าว่าขอโทษนะ บางทีโพสต์เรื่องส่วนตัวแต่ทำให้กลายเป็นว่ามากระทบซาร่า คุณยายเขาแจ้งลบหมดเลย”
     
       “คือวันงานซาร่าไม่ได้ไปพร้อมคุณยายนะคะ คุณยายไปแป๊บเดียว ไปกับเพื่อนแค่ไม่กี่นาที ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยว เพราะเขาบอกซาร่าเองว่าเขาทะเลาะกับเพื่อน ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ ถูกโยงเพราะเขาโพสต์เกลียดตัวกินไข่ อันนี้ซาร่าไม่รู้เนอะแปลว่าอะไรยังไม่รู้เลย(หัวเราะ) เราไม่ได้เป็นคนโพสต์ จริง ๆ เริ่มต้นคุณยายรู้จักกับทางบ้านพระก่อนนะ แล้วค่อยมาสนิทกับเรา จริง ๆ คุณยายไม่น่ามีปัญหาอะไรกับทางบ้านพระนะคะ เพราะตอนที่รู้จักกันคือพระไมค์แนะนำให้รู้จักกันค่ะ”
     
       “เขาลบเพราะกระทบเราค่ะ คนเราพอทะเลาะกับเพื่อนเนอะ ก็อาจมีอารมณ์ปกติ แต่พอโพสต์แล้วมันกระทบซาร่ากระทบแม็กซ์เวลล์เขาเลยลบไปดีกว่าเพราะเขารัก เรา ส่วนเรื่องที่โดนจับตามองตลอดเหมือนเรารู้ว่าเราทำอะไรอยู่ ซาร่าว่าคนที่อยู่ในวงการบันเทิงมันต้องโดนบ้างแหละกับกระแสต่าง ๆ ถ้าเราเลือกที่จะอยู่ตรงนี้ เราต้องยอมรับมันให้ได้ค่ะ
     
       ย้ำไม่มีปัญหา “ออม สุชาร์” ถ้าต้องมาพูดคุยกันคงแปลกเพราะส่วนตัวไม่ได้รู้จัก ไม่สนิทกัน
       “จริง ๆ ทางฝั่งที่บ้านพระก็ชวนไปเชียงรายค่ะ แต่เราต้องดูคิวอีกทีว่าเราสะดวกจะไปหรือเปล่า (ออมไปด้วย?) อันนี้ไม่ทราบค่ะ คือซาร่าไม่มีปัญหากับใครนะ งานวันบวช ออมก็ไปเนอะ เจอได้ไม่มีปัญหา แต่ในงานคนเยอะมากค่ะ แล้วก็ยุ่ง ๆ อีกอย่างซาร่ากับออมไม่ได้รู้จักกัน ไม่ได้สนิทกัน ถ้าพูดคุยก็อาจจะแปลกไปหรือเปล่า ส่วนเชียงรายถ้าว่างหรือไม่ลำบากเกินไปก็ไปค่ะ"


Cr  : Manager“ซาร่า” ร่วมเฟรมครอบครัว “พระไมค์” บรรยากาศเผชิญหน้าดี ชี้ไม่สนิท “ออม” เปิดอกเคลียร์คงแปลก

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ระบบจราจรไฮเทค WiFi

3 เมืองใหญ่ในสหรัฐ ลองใช้ระบบ "ระบบจราจรไฮเทค WiFi"

กระทรวง คมนาคมสหรัฐอเมริกาประกาศเมื่อเดือนที่ผ่านมา ใช้งบประมาณ 42 ล้านดอลลาร์ ทดสอบการใช้ "ระบบจราจรไฮเทค WiFi" ใน 3 เมืองขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา คือ นิวยอร์ก ซิตี ในรัฐนิวยอร์ก, แทมปา ในรัฐฟลอริดา และอีกแห่งในรัฐไวโอมิง โดยมีเป้าหมายเพื่อลดอุบัติเหตุ ลดปัญหาการจราจร รวมทั้งลดการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถยนต์ลงให้เหลือน้อยที่สุด

หลักการทำงานของ"ระบบจราจรไฮเทค WiFi" ดังกล่าวก็คือ เซ็นเซอร์ ตัวรับสัญญาณ WiFi ที่ติดตั้งไว้กับรถยนต์แต่ละคันจะทำหน้าที่ส่งสัญญาณสัญญาณ WiFiผ่านเครือข่ายไวไฟ(WiFi) ที่ย่านความถี่เฉพาะ (เพื่อไม่ให้เกิดการรบกวนกันกับสัญญานไวไฟทั่วไป) ในเวลาเดียวกันก็สามารถรับสัญญาณจากเซ็นเซอร์ตัวรับสัญญาณ WiFi ที่ส่งออกมาจากรถยนต์คันอื่น หรือเสาสัญญาณไฟจราจร ฯลฯ กลายเป็นเครือข่ายสื่อสารไวไฟ(WiFi) อัตโนมัติของ เซ็นเซอร์(Sensor) จำนวนมาก ซึ่งจะส่งสัญญาณไวไฟ(WiFi) เตือนในทันทีที่มีเหตุอันจะก่อให้เกิดอันตราย อย่างเช่น เมื่อมีรถคันหนึ่งเบนออกจากเลนโดยไม่ให้สัญญาณ หรือเมื่อคนขับรถคันหนึ่งต้องเหยียบเบรกกะทันหัน เป็นต้น

เทคโนโลยี"ระบบ จราจรไฮเทค WiFi" ดังกล่าวเป็น เทคโนโลยีการสื่อสารสัญญาณ WiFi อัตโนมัติ ระหว่างรถยนต์กับรถยนต์, รถยนต์กับสาธารณูปโภคเพื่อการจราจรต่างๆ รวมถึงการสื่อสารสัญญาณ WiFi อัตโนมัติระหว่างรถยนต์กับคนเดินถนนทั่วไป โดยในนิวยอร์ก ซิตี ทางสำนักงานกระทรวงคมนาคมสาขานิวยอร์กจะร่วมกับทางการมหานครนิวยอร์ก ติดตั้งเซ็นเซอร์ ตัวรับสัญญาณ WiFi ให้กับรถยนต์ชนิดต่างๆ ที่หน่วยรัฐบาลเป็นเจ้าของรวมทั้งสิ้น 10,000 คัน ซึ่งจะมีทั้งรถประจำทาง, รถลีมูซีน และรถยนต์ทั่วไป นอกเหนือจากนั้นยังจะมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ตัวรับสัญญาณ WiFi  ให้กับเสาสัญญาณการจราจรต่างๆ อาทิ เสาสัญญาณหยุดรถเพื่อให้คนข้ามถนน, เสาสัญญาณไฟจราจร และวัสดุอุปกรณ์อื่นๆ ที่ติดตั้งไว้ตามถนนสายต่างๆ

ใน รัฐไวโอมิง การทดลองกำหนดจะใช้"ระบบจราจรไฮเทค WiFi" เพื่อศึกษาและควบคุมการจราจรใน เส้นทางที่มีการจราจรของ รถบรรทุกหนาแน่น ส่วนในรัฐแทมปา ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการจราจรเลวร้ายที่สุดเมืองหนึ่ง นอกจาก"ระบบจราจรไฮเทค WiFi"จะมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ให้กับรถ และอุปกรณ์เพื่อการจราจรต่างๆ แล้ว ยังเตรียมการหาอาสาสมัครที่เป็นคนเดินถนนในเมืองดังกล่าวติดตั้งระบบ"ระบบ จราจรไฮเทค WiFi" แบบเดียวกันลงในสมาร์ทโฟนของตัวเอง เพื่อช่วยให้ตัวเซ็นเซอร์ในรถยนต์ต่างๆ ได้รับรู้ตำแหน่งของคนเดินเท้าที่ใช้ถนนร่วมกันในช่วงเวลาการจราจรหนาแน่น อีกด้วย

เทคโนโลยี"ระบบจราจรไฮเทค WiFi"เพื่อการจราจรดังกล่าว เรียกกันอย่างเป็นทางการว่า "เวฮิเคิล ทู เวฮิเคิล (Vehicle-to-Vehicle) เทคโนโลยี"ระบบจราจรไฮเทค WiFi"นี้ทางการสหรัฐอเมริกาเรียกย่อสั้นๆ ว่า "วี 2 วี" (V2V) ซึ่งเริ่มคิดค้นโดยทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยมิชิแกน และได้รับการสนับสนุน จากกระทรวงคมนาคมสหรัฐอเมริกา เริ่มโครงการทดลองในสภาพแวดล้อมจริงเมื่อปี 2012 ที่แอนน์ อาเบอร์ เมืองเล็กๆ ในรัฐมิชิแกน ด้วยจำนวนรถยนต์ (อาสาสมัคร) เพียง 3,000 คัน ก่อนที่จะได้รับความนิยมขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 9,000 คัน ในเวลาต่อมา

นอก จากนั้น"ระบบจราจรไฮเทค WiFi" ยังมีเครือข่ายที่เป็นการสื่อสารระหว่างเซ็นเซอร์ของรถ กับสัญญาณไฟ จราจร หรือสิ่งก่อสร้างต่างๆ สำหรับใช้ในการจราจรที่ติดตั้งเซ็นเซอร์เอาไว้อีกด้วย

โครงการนำ ร่อง"ระบบจราจรไฮเทค WiFi" ที่แอนน์ อาเบอร์ ได้ผลดี แต่ยังจัดว่าเป็นเมืองขนาดเล็กที่การจราจรไม่มากมายนัก จึงจำเป็นต้องขยายการทดลองในสภาพจริงสู่เมืองใหญ่ที่มีการจราจรหนาแน่นกว่า เมืองดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงคมนาคมสหรัฐอเมริกาดูเหมือนจะให้การสนับสนุนระบบนี้เต็มที่

แอ นโธนี ฟอกซ์ รัฐมนตรีคมนาคม ถึงกับแสดงความเชื่อมั่นว่าจะผลักดัน "ระบบจราจรไฮเทค WiFi" และในที่สุดอาจบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกาทุกคันต้อง ติดตั้งเซ็นเซอร์นี้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน และตั้งเป้าจะผลักดันให้มีการใช้งาน"ระบบจราจรไฮเทค WiFi"ใหม่นี้เร็วขึ้นกว่าที่เคยวางแผนเอาไว้เดิมอีกด้วย

Cr.มติชน

สิ่งประดิษฐ์แปลงอักษรเป็นเสียงพูด

สิ่งประดิษฐ์แปลงอักษรเป็นเสียงพูด
สิ่งประดิษฐ์แปลงอักษรเป็นเสียงพูด สร้างจากวงจรไมโครคอนโทรลเลอร์(Microcontroller )ควบคุมด้วยตัวรับสัญญาณ WiFi ระบบไร้สาย สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับระบบสื่อโฆษณาหรือข้อความเสียงต้อนรับต่างๆ ซึ่งระบบไร้สายสะดวกในการติดตั้งใช้งาน ลดการใช้ทรัพยากร ผลงานของอาจารย์และ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาควิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม คณะวิศวกรรมศาสตร์ ออกแบบและสร้างสิ่งประดิษฐ์แปลงอักษรเป็นเสียงพูด หรือเครื่องแปลงตัวอักษรเป็นเสียงพูดควบคุมด้วยระบบไร้สายต้นแบบ (TEXT TO SPEECH MACHINE CONTROLLING VIA WIRELESS SYSTEM) ขึ้นมา

นายปริญญา ปุณณะรัตน์ และ นายนพคุณ สามเรืองศรี โดยมีดร.วิเชียร อูปแก้ว เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ภาควิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม  ออกแบบและสร้างสิ่งประดิษฐ์แปลงอักษรเป็นเสียงพูด สร้างจากวงจรไมโครคอนโทรลเลอร์(Microcontroller )ควบคุมด้วยตัวรับสัญญาณ WiFi ระบบไร้สายต้นแบบขึ้นมาใช้แล้ว หลักสำคัญของเครื่องแปลงตัวอักษรเป็นเสียงพูด ได้แก่ส่วนของภาคส่ง รับข้อมูลอักษรทางแป้นพิมพ์ เพื่อส่งไปยังภาครับผ่านทางโมดูลเชื่อมต่อไร้สาย และส่วนของภาครับ ทำหน้าที่รับข้อมูลจากภาคส่งแล้วแปลงเป็นเสียงออกทางลำโพง

สำหรับ ขั้นตอนการสร้างบอร์ดการส่ง-รับข้อมูลตัวอักษร ในการทำงานของบอร์ดเป็นการทำงานแบบบอร์ดถึงบอร์ด ผ่านระบบไร้สายส่งข้อมูลผ่าน Protocol เป็น ASCII Code ออกไปยังบอร์ดรับข้อมูล และให้ไมโครคอนโทรลเลอร์(Microcontroller )ประมวลผลส่งไปให้โมดูล Emic 2 แปลงเป็นเสียงส่งออกลำโพง จะควบคุมด้วยตัวรับสัญญาณ WiFi ระบบไร้สายต้นแบบผ่านทางโมดูลเชื่อมต่อไร้สายความถี่ 2.4 GHz เมื่อส่งในที่ไม่มีสิ่งใดๆ กีดขวาง สามารถส่งสัญญาณไปได้ 40-50 เมตร

เจ้า ของผลงาน เล่าว่า หลักสำคัญของเครื่องแปลงตัวอักษรเป็นเสียงพูดควบคุมด้วยระบบไร้สายต้นแบบ ประกอบด้วยสองส่วน ได้แก่ ส่วนของภาคส่ง รับข้อมูลอักษรทางแป้นพิมพ์ เพื่อส่งไปยังภาครับผ่านทางโมดูลเชื่อมต่อไร้สาย และส่วนของภาครับ ทำหน้าที่รับข้อมูลจากภาคส่งแล้วแปลงเป็นเสียงออกทางลำโพง ในหลักการออกแบบวงจร แบ่งเป็น 6 ส่วนคือ

1. ส่วนโปรแกรม
2. ส่วนไมโครคอนโทรลเลอร์(Microcontroller ) เป็นส่วนที่สำคัญ เพราะเป็นส่วนที่ใช้ติดต่อกับส่วนต่างๆ เป็นส่วนที่ควบคุมข้อมูลที่ส่งมาจากคีย์บอร์ด เพื่อนำไปแสดงผลการรับค่าที่ จอ LCD และควบคุมการรับค่าไปจนกว่าจะมีการสั่งให้ส่งข้อมูลออกไปยัง โมดูล WI-FI ให้ส่งต่อไปยังภาครับ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วนย่อย คือ ส่วนฮาร์ดแวร์ไมโครคอนโทรลเลอร์ และส่วนซอฟแวร์ไมโครคอนโทรลเลอร์
3. ส่วนแสดงผล
4. ส่วน wireless เป็นตัวรับสัญญาณ WiFi
5. ส่วนโมดูลแปลอักษรเป็นเสียงพูด เป็นอีกส่วนสำคัญ เพราะเป็นส่วนที่เปลี่ยนข้อมูลที่ได้เป็นเสียงพูด ในการออกแบบเลือกใช้ Emic 2 parallax ที่มีการเชื่อมต่อ 6 พอร์ตใช้งาน
6.ส่วนสุดท้ายคือส่วนภาค ขยายสัญญาณ การขยายจากลำโพงภายนอก เนื่องจากบอร์ดมี output เป็นการส่งสัญญาณออก แบบสเตอริโอ 3.5 mm. ที่ใช้ได้กับลำโพงทั่วไปในปัจจุบัน

สำหรับขั้นตอนการสร้างสิ่ง ประดิษฐ์แปลงอักษรเป็นเสียงพูด เริ่มจากบอร์ดการส่ง-รับข้อมูลตัวอักษร ในการทำงานของบอร์ดเป็นการทำงานแบบบอร์ดถึงบอร์ด ผ่านระบบไร้สายส่งข้อมูลผ่าน Protocol เป็น ASCII Code ออกไปยังบอร์ดรับข้อมูล ประกอบด้วย

1. การทำงานภาคส่ง การส่งข้อมูลจากบอร์ดถึงบอร์ด ผ่านระบบไร้สาย โดยที่บอร์ดสำหรับส่งจะมีหน้าจอ LCD เป็นตัวแสดงผลที่พิมพ์ ก่อนจะส่งไปยัง wireless เพื่อที่จะส่งสัญญาณไปยังบอร์ดภาครับ
2. การทำงานภาครับ การรับค่าข้อมูลมาจาก ตัวรับสัญญาณ WiFi ใช้ ไมโครคอนโทรลเลอร์(Microcontroller ) ประมวลผลส่งสัญญาณไปแสดงผลยังจอโน้ตบุ๊ก เพื่อเป็นการทดลองการรับส่งค่าข้อมูลก่อนที่จะใช้โมดูลเสียงเพิ่มเติมเข้าไป และเป็นการทดสอบระยะการส่งข้อมูล
3. การทำงานของบอร์ด การรับค่าข้อมูลจากคีย์บอร์ดโดยตรง เข้าที่ IC แล้วให้แสดงผลที่หน้าจอ เมื่อกด Enter ข้อมูลก็จะผ่านระบบไร้สาย ไปยังบอร์ดภาครับ และให้ไมโครคอนโทรลเลอร์ประมวลผลส่งไปให้โมดูล Emic 2 แปลงเป็นเสียงส่งออกลำโพง เป็นเสียงให้ได้ยิน เพื่อตรวจสอบข้อมูลที่ป้อน กับผลที่ได้ ออกมาข้อมูลตรงกันหรือไม่

หลักการทำงานโดยรวมของสิ่ง ประดิษฐ์แปลงอักษรเป็นเสียงพูดควบคุมด้วยระบบไร้สายต้นแบบ คือ เมื่อผู้ใช้ป้อนข้อมูลตัวอักษรผ่านทางแป้นพิมพ์ ระบบจะประมวลผล และส่งข้อมูลไปยังภาครับผ่านทางโมดูลเชื่อมต่อไร้สาย ตัวรับสัญญาณ WiFi ความถี่ 2.4 GHz ภาครับมี ไมโครคอนโทรลเลอร์(Microcontroller )ประมวลผลสัญญาณไฟฟ้าให้โมดูล Emic2 สร้างความถี่เสียงส่งออกทางลำโพง ในการรับ-ส่งสัญญาณทำได้มีประสิทธิภาพ ส่งถูกต้อง ในระยะทางที่กำหนดโดยที่มีสิ่งกีดขวางต่างๆ และได้ไกลกว่าที่กำหนดเมื่อส่งในที่ไม่มีสิ่งใดๆ กีดขวาง สามารถส่งสัญญาณไปได้ 40 – 50 เมตร ต้นทุนในการผลิตสิ่งประดิษฐ์แปลงอักษรเป็นเสียงพูดควบคุมด้วยระบบไร้สายต้น แบบ ราคาอยู่ที่ 3,000 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ดร.วิเชียร อูปแก้ว โทร.091-4062224

Cr.กรุงเทพธุรกิจ,มทร.ธัญบุรี

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สุดยอดสแกนไวรัส Kaspersky


จากการสำรวจความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไอที ระดับคอนซูมเมอร์ (Consumer IT Security Risks Survey 2015) พบว่า จำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่กังวลกับความเป็นส่วนตัวทางออนไลน์ได้เพิ่ม สูงขึ้นเทียบกับปีที่ผ่านมา มาดูตัวเลขกับว่าผู้ใช้คอมพิวเตอร์กังวลอะไรบ้าง a)  70% ของผู้ใช้งานกังวลว่าตนเองอาจโดนใครบางคนแอคเซส (Access)เข้ามายังไฟล์ส่วนตัว  b) 61% กังวลว่าอาจจะมีโปรแกรมแฝงบนอุปกรณ์ที่ตนใช้งานคอยแอบดักข้อมูล และ c) 49% ไม่วางใจกล้องในคอมพิวเตอร์หรือกล้อง IP Camera โดยเฉพาะโปรแกรมเว็บแคม(Webcam)ของตนเอง ซึ่งกล้องจิ๋วเหล่านี้เป็นที่รู้กันว่าอาจถูกแอบขโมยใช้อยู่บ่อยๆ แม้จะอยู่บนอุปกรณ์ของเราเองก็ตาม

จากรายงาน ของ Kaspersky Security Network ระบุว่าประเทศไทยติดอันดับที่ 33 จากทั้งหมด 250 ประเทศทั่วโลกที่เป็นเป้าหมายการโจมตีทางไซเบอร์ แล้วไทยเรากำลังกลายมาเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายของแฮกเกอร์ อันเป็นผลจากการติดตั้งซอฟต์แวร์เถื่อนและการทำธุรกรรมธนาคารออนไลน์ที่แพร่ หลาย อย่างรวดเร็วรวมถึงการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้งานอุปกรณ์สื่อสารไร้สายและโซเชีย ลเน็ตเวิร์กที่มากขึ้นนั้นเอง ยุคนี้ไวรัสไม่ได้เพียงแค่เจาะข้อมูลบนคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว แต่มีอีกหลายตัวที่สามารถล้วงไปถึงกล้องบนคอมพิวเตอร์หรือกล้องบนมือถือ (Webcam) กล้อง IP Camera  ที่คุณติดตั้งไว้ด้วย ขอบอกได้เลยว่างานนี้มีคลิปหลุดได้ง่าย ๆ เลยทีเดียว

ด้วยประเด็น ความท้าทายเหล่านี้ผลักดันให้โซลูชั่นความปลอดภัยแคสเปอร์สกี้ แลป (Kaspersky) สุดยอดสแกนไวรัส ต้องคิดค้นวิธีการใหม่ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้ในความเป็นส่วนตัวบนอุปกรณ์ของตนเอง เวอร์ชั่นใหม่ของแคสเปอร์สกี้ออกแบบมาให้มีเทคโนโลยีป้องกันความเป็นส่วนตัว รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน

แคสเปอร์สกี้ แลป (Kaspersky) สุดยอดสแกนไวรัสใหม่ล่าสุดมาพร้อมช่วยปกป้องคอมพิวเตอร์ของคุณจากไวรัสและ มัลแวร์ได้ มาพบกับ Kaspersky Internet Security และ Kaspersky Anti-Virus เวอร์ชั่น 2016 ด้วยฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่สามารถป้องกันผู้ใช้ทั่วไปได้อย่างดีเยี่ยม และเน้นการรักษาความเป็นส่วนตัว แถมมีระบบช่วยปกป้องลูกของคุณจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้เป็นอย่างดี

แค สเปอร์สกี้ แลป(Kaspersky) สุดยอดสแกนไวรัสเผยเวอร์ชั่นล่าสุดของโซลูชั่นซีเคียวริตี้เหมาะสำหรับผู้ ใช้ทั่วไป  ทั้งสองตัวนี้คือ Kaspersky Internet Security 2016 และ Kaspersky Anti-Virus 2016 รองรับการใช้งานกับ Windows 10 พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะเพื่อตอบโจทย์ให้ตรงความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุดด้วย การปกป้องสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ความเป็นส่วนตัว ข้อมูลส่วนบุคคล (identity) ข้อมูลทางการเงินและข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งาน โซลูชั่นใหม่ประกอบด้วยเทคโนโลยีที่อัพเดททันสมัยมั่นใจได้ว่า ผู้ใช้งานจะได้รับการปกป้องไม่ว่าจะทำอะไรอยู่บนคอมพิวเตอร์ก็ตาม มาพร้อมด้วยฟีเจอร์ใหม่เพิ่มเติมมากขึ้นเพื่อการป้องกันข้อมูลส่วนตัวของผู้ ใช้

โซเชียลเน็ตเวิร์ก เอเจนซี่โฆษณา และการสำรวจวิเคราะห์ข้อมูลมักเก็บข้อมูลของผู้ใช้เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ งานบ่อยๆ บนบราวเซอร์ สถานที่ หรือประวัติการสืบค้นข้อมูล เป็นต้น พวกเขาเรียกใช้ข้อมูลผ่านบราวเซอร์และสามารถนำมาขายต่อได้ และใช้เพื่อทำโฆษณามุ่งไปสู้เป้าหมายไปยังผู้ใช้เอง

Private Browsing จะเป็นฟีเจอร์ที่ปกป้องการเอาข้อมูลเช่นนี้ออกจากอินเทอร์เน็ตและปกป้อง รายงานคำร้องขอจากภายนอกที่ถูกบล็อกผ่านทางปลั๊กอินที่ทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะ (ซึ่งจะมีอยู่ใน Mozilla Firefox, Internet Explorer และ Google Chrome) โดยเทคโนโลยีของแคสเปอร์สกี้ แลป(Kaspersky)ต่างจากเครื่องมืออื่นๆ ที่มีอยู่ในบราวเซอร์ นั่นคือ สามารถปกป้องได้มากกว่า สามารถป้องกันผู้ใช้จากการถูกระบุตัวตนผ่านคุ้กกี้ไฟล์ หรือเตือนเรื่องไซต์ที่เราไม่ต้องการส่งข้อมูลที่จะทำให้ติดตามเราได้ โดยจะการันตีได้ว่าข้อมูลนี้จะไม่เล็ดลอดออกนอกอุปกรณ์เด็ดขาด

เป็น เรื่องธรรมดาทั่วไปสำหรับติดตั้งโปรแกรมปลั๊กอินหรือเอ็กซ์เทนชั่นเพิ่มเติม (additional extensions) ที่จะฝังไปบนอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยที่เจ้าของอุปกรณ์ไม่รู้ตัวว่ามีการติดตั้ง ฟรีแวร์ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อบราวเซอร์โฮมเพจ และดิฟอล์ทเสิร์ชเอ็นจิ้น หรือการติดตั้งปลั๊กอินพิเศษเพิ่ม (additional extensions) เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งค่าเน็ตเวิร์คและค่าคอนฟิกูเร ชั่น(Configuration) ระบบของอุปกรณ์ได้โดยที่เจ้าของไม่ยินยอมไม่รู้เรื่องเลย

เป็นไปได้ ว่าองค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้เป็นไปเพื่อล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัว เพราะปลั๊กอินและเอ็กซ์เทนชั่นบางตัวอาจคอยเก็บข้อมูล และพฤติกรรมออนไลน์ของผู้ใช้ จากนั้นนำมาใช้ประโยชน์ในทางมิชอบ “System Change Control” เป็นตัวตรวจสอบกระบวนการที่พยายามจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตาม และรายงานไปยังผู้ใช้ พร้อมทั้งสอบถามว่าต้องการให้จัดการกับกระบวนการนั้นอย่างไร เช่น ยอมรับ หรือบล็อกซะเลย

จิมมี่ ฟง ผู้อำนวยการฝ่ายช่องทางการจัดจำหน่าย แคสเปอร์สกี้ แลป ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลนี้ถือเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะอยู่ในโลกแห่งความจริงหรือเสมือนจริง ซึ่งเป็นสาเหตุที่แคสเปอร์สกี้ แลปมุ่งมั่นพัฒนาโซลูชั่นด้วยเป้าหมายในการป้องกันทุกข้อมูลอันมีค่าของผู้ ใช้งานของเรา ได้แก่ ไฟล์ข้อมูลส่วนตัวและความเป็นส่วนตัวในการใช้งานติดต่อสื่อสาร ให้พ้นเงื้อมมืออาชญากรไซเบอร์และประชากรไซเบอร์ผู้อยากรู้อยากเห็นทั้งหลาย บนอินเทอร์เน็ต

โดยธรรมชาติแล้ว มาตรการเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากผู้ใช้ปฏิบัติตามข้อแนะนำการใช้ อินเทอร์เน็ตให้ปลอดภัย ป้องกันอุปกรณ์และบัญชีใช้งานด้วยรหัสผ่านที่ยากต่อการแกะรอย หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าไว้วางใจ และมีการติดตั้งเครื่องมือเครื่องสแกน ข้อมูลต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นบนคอมพิวเตอร์ทั่วไปหรือคอมพิวเตอร์อุตสาหกรรมในโรงงานของคุณเป็นประจำเพื่อหาภัยคุกคามไซเบอร์ที่อาจเป็นไปได้ในเครื่อง

เนื่อง จากภัยคุกคามไซเบอร์นี้มีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงตัวเองได้บ่อยๆ เราจึงขอแนะนำให้ผู้ใช้งานทุกคนหมั่นอัพเดทโปรแกรมระบบความปลอดภัยเป็นเวอร์ ชั่นที่ล่าสุดที่สุด เพื่อให้มั่นใจสมรรถนะการป้องกันและรับมือกับภัยไซเบอร์หน้าใหม่ได้ โปรดักส์สำหรับผู้ใช้ทั่วไปของแคสเปอร์สกี้ แลปที่โดดเด่นเป็นที่นิยม ได้แก่ ออโตเมติกอัพเดทและอัพเกรดแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งสามารถที่จะบริหารจัดการได้จากระยะไกลผ่านบัญชีผู้ใช้แคสเปอร์สกี้ แลป (My Kaspersky account) ส่วนตัว

นอกจากฟีเจอร์ใหม่ๆ เหล่านี้ เวอร์ชั่น 2016 สำหรับคอนซูเมอร์ ได้ปรับปรุงฟีเจอร์พร้อมเสริมความแข็งแกร่งในการรับมือป้องกันรูปแบบใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปของภัยไซเบอร์ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและสมรรถนะของการป้องกันระดับพรีเมี่ยม อาทิ Safe Money, Application Control, Trusted Application Mode และ Two-Way Firewall

Kaspersky Anti-Virus สุดยอดสแกนไวรัสเป็นรากฐานการต่อกรกับไวรัส ให้การปกป้องจากไวรัสทุกชนิด ตรวจจับ กำจัดไวรัสที่เกิดขึ้นใหม่ล่าสุดได้ทันที แจ้งเตือนเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย ตรวจสอบความปลอดภัยของไฟล์ โปรแกรมต่างๆได้ทันที ด้วยการรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพนี้ จึงมั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะปลอดภัย ไม่ว่าขณะทำงาน หรือท่องอินเทอร์เน็ต

Kaspersky Internet Security สุดยอดสแกนไวรัสให้การปกป้องระดับพรีเมี่ยมจากภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ตทุก รูปแบบ ผ่านแอนตี้ไวรัส แอนตี้ฟิชชิ่ง พร้อมด้วยเครื่องมือต่าง ๆ(Tool)และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัว ข้อมูลส่วนบุคคลและธุรกรรมการเงินออนไลน์ มีโมดูล Parental Control สนับสนุนผู้ที่เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองในการสอดส่องกิจกรรมบนเว็บของเด็กๆ

Cr.แบไต๋

โปรโตคอล ZigBee เพื่อ IOT

โปรโตคอล ZigBee เพื่อ IOT

19/10/2015 12:01

โปรโตคอล ZigBee เพือ IOT
Photo : Telegesis

Legrand ประกาศทำงานร่วมกับ Nest Inc. และเตรียมใช้โปรโตคอล ZigBee เพื่อการสื่อสารในผลิตภัณฑ์ Nest Weave เชื่อมต่อ เพื่อยกระดับ Internet of Things

Legrand ยังคงเดินหน้าสนับสนุนความสามารถในการทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์เชื่อมต่อ ภายในอาคาร หลังจากที่ได้ประกาศเปิดตัวโปรแกรม Internet of Things ในชื่อ Eliot ด้วยเหตุนี้ Legrand จึงได้วางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายในบ้านโดยใช้ Nest Weave

ด้วยความเชื่อที่ว่า การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ถือเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการ ใช้ Internet of Things ในอาคาร Legrand จึงตั้งใจสนับสนุน "ภาษาแบบเปิด" ที่สามารถผนวกการทำงานและสื่อสารกับระบบจากภายนอกมากเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์มากมายและมีตัวเลือกการใช้งานเสริม พร้อมกันนี้ยังทำให้ผู้ใช้มีอิสระในการเลือกซื้ออุปกรณ์ที่เหมาะกับตนเอง ในขณะที่ความต้องในด้านนี้เพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับ

Legrand ยังเป็นสมาชิกของ AllSeen Alliance สมาคมนานาชาติที่มีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ ระบบ และบริการ Internet of Things ที่ใช้เทคโนโลยี AllJoyn นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นสมาชิกของ ZigBee(R) Alliance มาอย่างยาวนาน โดย ZigBee(R) เป็นมาตรฐานสากลสำหรับการสื่อสารไร้สายที่รองรับเทคโนโลยี Internet of Things

เกี่ยวกับโปรแกรม Eliot โดย Legrand  Eliot คือชื่อโปรแกรมซึ่งเปิดตัวในปี 2558 โดย Legrand เพื่อเร่งผลักดันการใช้งาน Internet of Things ในผลิตภัณฑ์ของบริษัท Eliot ถือกำเนิดขึ้นจากกลยุทธ์นวัตกรรมของบริษัท ด้วยเป้าหมายที่จะพัฒนาโซลูชั่นที่เชื่อมต่อถึงกันได้ใน 40 ตระกูลผลิตภัณฑ์ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ที่ยั่งยืนสำหรับทั้งผู้ใช้งานส่วนบุคคลและผู้ใช้ใน สายอาชีพ

ZigBee เป็นภาษาไร้สายระดับโลกซึ่งเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่แตกต่างกันมากให้สามารถทำงาน ร่วมกันได้และช่วยยกระดับชีวิตประจำวัน โดย ZigBee Alliance เป็นสมาคมไม่แสวงผลกำไร ซึ่งมีบริษัทต่างๆกว่า 340 แห่งเป็นสมาชิกเพื่อร่วมกันผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีไร้สาย Zigbee ให้เป็นเครือข่ายไร้สายชั้นนำที่ควบคุมและกำหนดมาตรฐานการใช้งานในภาค อุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ผู้บริโภค ภาคอุตสาหกรรมพลังงาน ภาคครัวเรือน อุตสาหกรรมการค้าและพาณิชย์

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ใช้มาตรฐาน ZigBee  ยังเหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้งานภายในบ้าน ศูนย์ออกกำลังกาย บ้านพักคนชรา สถานพยาบาล และศูนย์บริการทางการแพทย์หลายแห่ง นอกจากนี้ มาตรฐานดังกล่าวยังสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า รวมถึงผู้ให้บริการด้านสุขภาพ ผู้ผลิตสินค้าต่าง ๆ นา ๆ เป็นมาตรฐานแบบเปิดระดับโลกสำหรับอุปกรณ์ไร้สายประหยัดพลังงาน

ขณะ เดียวกันก็สามารถติดตั้งระบบไร้สายอย่างเป็นอิสระภายนอกตัวอาคารได้ด้วย นอกจากนั้นแล้ว Zigbee ยังได้รับการทดสอบแล้วว่า เป็นเทคโนโลยีประหยัดพลังงานที่สามารถใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีไร้สายอื่นๆ ซึ่งรวมถึงระบบเครือข่าย Wi-Fi ได้เป็นอย่างดี


Cr.RYT9

“ชมพู่” พร้อมเปิดอู่ - รู้คนแก่รอ ขำ 2 แม่ลูบลิงศักดิ์สิทธิ์ที่เยอรมันขอหลาน

 “ชมพู่” พร้อมเปิดอู่ - รู้คนแก่รอ ขำ 2 แม่ลูบลิงศักดิ์สิทธิ์ที่เยอรมันขอหลาน  

“ชมพู่ อารยา” รู้ตัว 2 แม่รอหลาน แอบขำพากันไปลูบลิงศักดิ์สิทธิ์ที่เยอรมันขอลูกแทนตน บอกไม่กล้าลูบเองหวั่นลูกมาเกิดไม่ทันตั้งตัว เผยฟิตสุขภาพให้แข็งแรงถึงเวลาพร้อมป่อง ปัดเตี๊ยม "เอมมี่" มีลูกปีหน้า เชื่อรุ่นนี้มีลูกยาก
      
       ก่อนแต่งงานแม้จะเคลียร์งานทิ้งพรีเซ็นเตอร์ไปหลายตัวเพื่อทำหน้าที่ ภรรยาอย่างสมบูรณ์แบบให้กับสามีหนุ่ม “น็อต วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์” แต่ดูเหมือนว่าสาว “ชมพู่ อารยา เอฮาร์เก็ต” คิวแน่นกว่าเดิมเพราะเห็นเดินทางบ่อยเป็นพิเศษกว่าปีก่อน ๆ ล่าสุดเจ้าตัวต้องไปทำงานที่เยอรมันยังต้องหอบ 2 แม่ ทั้ง “แม่อุ อุไรวรรณ หาญอุดมสุข ” และ “คุณแม่วารี” แพ็ก กระเป๋าไปเที่ยวเยอรมันด้วย พอไปถึงเมืองไฮเดลเบิร์ก ซึ่งมีรูปปั้นลิงศักดิ์สิทธ์ คุณแม่ของสาวชมและคุณแม่สามี ก็รีบไปถูรูปปั้นขอให้มีลูกหลานเยอะ ๆ ล่าสุดชมพู่ออกมาชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าว ยอมรับแอบขำแต่เข้าใจว่า 2 แม่รอหลาน ส่วนตนยังต้องเคลียร์งาน แต่ระหว่างนี้ฟิตร่างกายรอให้พร้อมเปิดอู่
      
       “เที่ยวตามคิวมากกว่า เพราะชมมีคิวเดินทางต่างประเทศค่อนข้างจะถี่อยู่แล้วในแต่ละปี ถ้าเป็นประเทศไหนที่คุณแม่เขาสนใจก็จะไป แต่บางที่ที่เคยไปแล้วเขาก็จะไม่ไป ล่าสุดไปเยอรมันซึ่งคุณแม่ไม่ได้ไปนานแล้วก็คิดว่าดูจากโปรแกรมทัวร์น่าจะ สนุกดีก็ตามกันไป ซึ่งคุณแม่ชมก็ไปด้วย (อย่างเรื่องลูบรูปปั้นลิงศักดิ์สิทธิ์ที่เยอรมันขอให้ชมมีลูกตามไกด์บอก เหมือนท่านลูบแทนเรา?) เป็นอะไรที่ตลกมาก ไม่หรอกค่ะ เหมือนเป็นรูปปั้นอะไรสักอย่าง ไกด์ก็บอกว่าเป็นความเชื่อ เป็นกิมมิกเวลาเราไปสถานที่ท่องเที่ยว นางก็ไปถูกันใหญ่ ถามว่ากดดันไหมเหมือนเราก็รู้อยู่แหละว่าคนแก่เขาก็รอแค่นี้แหละ เราก็เตรียมตัวอยู่ ไม่ใช่อยู่เฉย ๆ เตรียมตัวให้แข็งแรง เขาอยากทำก็ให้เขาทำไป สบายใจก็ทำค่ะ แต่ชมยังไม่ขอ เดี๋ยวมาแบบไม่ตั้งตัวทำยังไงล่ะ เลยยังไม่ขอตอนนี้ค่ะ”
      
       ปัดเตี๊ยม “เอมมี่ มรกต กิตติสาระ” มีน้องปีหน้า บอกไม่รู้ใครจะแซงใคร ส่วนตนต้องเคลียร์งานที่รับปากหลาย ๆ คนไว้ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ระหว่างนี้เตรียมความพร้อมเรื่องของสุขภาพให้แข็งแรงพร้อมเปิดอู่เสมอ


       “ไม่รู้ใครจะแซงใคร คนนั้นอาจจะแซงชมก็ได้เพราะเขาดูสมบูรณ์ ดูเนื้อนมไข่มาก ๆ เลยไม่ได้มีการเตี๊ยมอะไรเรื่องนี้ ชม คิดว่ารุ่นพวกชมมันคงไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ เพราะว่าแต่งงานช้า ตอนนี้ก็ดูแลตัวเองให้แข็งแรงไปก่อน นอนให้ได้ครบชั่วโมง ออกกำลังกาย บิวต์ร่างกายไปก่อน พอถึงวันหนึ่งพร้อมแล้วก็จะได้ไม่ต้องห่วงสุขภาพตัวเอง ถามว่าเป็นไปได้อยากมีลูกปีหน้าไหมช่วงครึ่งปีแรกอย่างน้อยชมก็ต้องถ่ายละคร ซึ่งยังไม่รู้แน่ชัดว่าจะปิดกล้องเมื่อไหร่ หลังจากนั้นค่อยมาว่ากันอีกที แต่ว่าหน้าที่ชมระหว่างนี้ก็คือทำตัวเองให้แข็งแรง เรื่องนี้ก็ได้คุยกับคุณน็อตไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้วว่าจะขอทำในสิ่งที่ รับปากทางค่ายไว้ก่อน ส่วนเรื่องสุขภาพร่างกายก็ยังไม่ได้ถึงขั้นจูงมือกันไปเช็ก แต่ว่าตัวชมเองก็เช็กร่างกายเป็นปกติอยู่แล้ว” 


Cr : Manager

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

10 ข้อนี้ให้สาวๆ จากใจผู้ชายเคย Bad Boy! มาก่อน

เราก็เป็นของเราอย่างงี้ อยากรู้มั้ยล่ะว่าผู้ชายเขาคิดยังไง! นี่คือ exclusive interview ของหนึ่งในแบชเล่อร์เพลย์บอยกลับใจ ท๊อป ทศพล หมายสุข ที่เขามีอินไซต์ลึกๆ ถึงผู้หญิงในฝันแบบเจอแล้วใช่เลย จะเป็นยังไง ตรงกับเรารึเปล่า รออะไร อ่านเล้ย!



5 ข้อ อย่าทำเลยนะขอร้องงงงงง

อย่าดูถูกคนอื่น : อย่าพยายามทำให้ตัวเองมีค่าโดยการกดคนอื่นให้ต่ำลง เอาจริง มันยิ่งทำให้ตัวเองดูแย่ เวลาคุณพยายามจะพูดข้อดีของตัวเอง โดยการพูดแบบเอาไปเทียบกับข้อเสียของคนอื่น มันไม่ได้ทำให้ผู้ชายชื่นชมคุณมากขึ้นหรอกนะ ผู้ชายที่คบกับคุณ เขาจะหาข้อดีในตัวของคุณได้เอง โดยที่คุณไม่จำเป้นต้องพรีเซ้นเองเลย

อย่าเอาแต่ใจเกินไป : คือเอาแต่ใจแบบเรียกร้องความสนใจให้ดูกำลังน่ารักอ่ะ โอเค แต่เอาแต่ใจถึงขั้น นัดกันแล้วว่าจะไปเที่ยวที่นี่ แล้วอยู่ดีๆ ก็บอกไม่ไป อารมณ์มันไม่ไปแล้ว คือบอกกะทันหัน แต่เราอยู่ที่นั่นแล้ว แบบนี้อ่ะไม่โอเค! เราก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าเขาจะไม่ว่าง แต่ต้องบอกกันก่อน พูดง่ายๆก็คือ อย่าเป็นคน เอาแต่ใจโดยไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่น

อย่าแต่งตัวโป๊ไป : เปิดหลัง เปิดไหล่นี่ไม่เท่าไหร่ ที่พูดว่าโป๊ คือเป็นชุดที่เห็นแล้ว บอกได้เลยว่า โป๊ ! อย่างชุดที่แหวกนมสุดๆ คือถ้าเดินชนนี่ เสื้อหล่นเห็นหมดเลยได้ แบบนี้ไม่ไหวนะ ผู้ชายเขาชอบผู้หญิงเซ็กซี่แหละ แต่มันต้องมีข้อจำกัด คือแต่งให้ผู้ชายเห็นแล้วรู้สึกอยากค้นหาบ้าง ไ่ม่ใช่เห็นแล้วเรามองภาพออกเลยทั้งตัว มันไม่สนุก ขอให้ผู้ชายได้ใช้จินตนาการหน่อย

อย่าตามจิกมาก : มากขนาดที่ว่า เราจะไปไหน ก็ขอตามไปด้วยทุกที่ ทุกเวลา จริงๆ สเปซส่วนตัว คือพื้นที่ที่ทุกคนควรมี ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเลย ถ้าเราอยากให้คุณไปด้วย เดี๋ยวเราจะชวนเอง ถ้าไม่ชวนก็ไม่ต้องมา เราจะรู้สึกอึดอัด เพราะถ้าอยู่ดีๆ คุณขอตามมาด้วย เราก็ปฏิเสธไม่ลงหรอก ก็จะกลายเป็นทำร้ายจิตใจกันไป แต่อยู่ด้วยกันทั้งๆที่เราไม่ค่อยอยาก เราก็จะรู้สึกโดนลุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวเบาๆ

อย่าปากจัด : แบบว่าด่ากราดไปทั่ว ไม่ว่าคุณจะสวยแค่ไหน แต่ถ้าทำแบบนี้ ก็จบ มันจะทำให้คุณดู down มากๆ เอาง่ายๆ คนเราจะเป็นตัวตนที่สุดตอนเมานั่นแหละ เคยเจอผู้หญิงคนนึง เมาแล้วด่าคนไปทั่ว เรียยกว่า เดินไปสองก้าว ต้องมีคำด่าออกมาทุกครั้ง เราเห็นแล้ว turn off มาก



5 ข้อนี้ ใครมีแล้ว เราจะรู้สึกเขาน่ารักมากกกๆๆๆ

รักครอบครัว : ผู้หญิงเป็น family girl เห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นมาก ผู้หญิงที่เอะอะอะไรก็ต้องครอบครัวมาก่อน ใส่ใจดูแลครอบครัว เราเห็นแล้วจะรู้สึกว่า เขายังรักครอบครัวขนาดนี้ ถ้ามาเป็นครอบครัวเดียวกับเรา ต้องรักครอบครัวของเรามากๆด้วยแน่เลย

มีความเป็นตัวเองชัดเจน : คือเป็นคนที่มี activity มีสังคมของเขา มีคาแรคเตอร์ชัดเจน และมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองและไลฟ์สไตล์แบบเฉพาะของเขา มันเป็นเสน่ห์ที่พอได้รู้จักแล้ว บอกเลยโคตรเจ๋งอ่ะ เราชอบผู้หญิงเท่ห์ๆอยู่แล้ว ถ้าเคมีตรงกันปัีป ไม่ต้องตามกันไปทุกที่ก็ได้ ต่างคนต่างไปบ้าง ความสุขของแต่ละคนก็อาจจะไม่เหมือนกัน แค่เราเห็นเขามีความสุขในมุมของเขา เราก็แฮปปี้มาก

เป็นคนไม่โกหก : เราชอบการมีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ อย่าเก็บเอาไว้ คือก็เข้าใจบางคนโกหกเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ แต่สำหรับเรา อย่าปิดบังเลย คนคบกัน ซักพักจะดูกันออก มันจะมีเซ้นส์ว่าพูดจริงหรือพูดหลอก เช่น ถ้าอีกฝ่ายรู้แล้วว่าระหว่างเรามันเปลี่ยนไป ก็บอกมาตรงๆ คืออย่าพยายามทำให้เราไม่สบายใจ เพราะมันไม่มีความสบายใจหรอก หรือต่อให้คืนนั้นคุณหนีเที่ยว แล้วมาสารภาพเราหมดทีหลัง เราก็ยังรู้สึกโอเคกว่าปิดเราไว้

บริหารเสน่ห์เป็น : คือเราไม่ได้ชอบผู้หญิงเจ้าชู้นะ แต่การบริหารเสน่ห์ให้เป็น ทำให้เรารู้สึกว่า อยากมีเขาอยู่ด้วยตลอดเวลา ถึงคบกันไปนานๆแล้ว ก็ยังรู้สึกว่า เห้ย เขาเอาเราอยู่ว่ะ การบริหารเสน่ห์ ต่างกับการเล่นเกมส์นะ การเล่นเกมส์ คือเป็นความรู้สึกแบบต้องการผลลัพธ์ คิดแพลนอะไรในหัวไว้ตลอดเวลา การเล่นเกมส์ การยั่ว และการบริหารเสน่ห์ มันไม่เหมือนกันเลย

    เราอยากให้แค่ผู้หญิงทำตัวดูดีตลอดเวลา ใส่ใจตัวเอง บางทีผู้หญิงชอบมองข้าม แบบอยู่กับแฟนมานานก็เริ่มปล่อยตัว หน้าไม่แต่ง ผมเซอร์ไม่ยอมหวี แล้วมาบอกว่า ก็รักที่เราเป็นเราดิ! ถามว่า แล้ววันแรกที่เจอกันมันเป็นอย่างงี้ปะล่ะ เป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย นิสัยมันรับกันได้อยู่แล้วแหละ แต่ผู้หญิงควรมีอารมณ์ทำให้เขารู้สึกดีบ้าง แบบเราเห็นแล้วก็สบายใจ

ขยันทำงาน : ชอบเวิร์คกิ้ง วูเม่น คนมีแพชชั่นแล้วมันจะมีออร่าเราสัมผัสได้ อยู่ด้วยจะรู้เลยว่าเจ๋งอ่ะ ผู้หญิงที่สนุกกับการใช้เงิน สนุกกับการหาเงิน ออกไปทำมาหากิน ไม่ใช่เอาแต่นั่งบ่นเรื่องงาน คือถ้าบ่นแบบอยากแก้ปัญหางานให้ดีขึ้น อันนี้โอเค รู้สึกว่าอยากไฟท์กับงาน ไม่ใช่สาวที่เบื่อชีวิต ไม่อยากทำงานแล้ว ท้อแท้ทุกอย่าง คือเราอยากได้คนที่พร้อมเดินไปด้วยกัน สร้างอะไรไปด้วยกัน มีความคิดบวกๆ อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข

Cr : sanook

15 อาชีพกำลังจะสูญหายในอนาคต

15 อาชีพกำลังจะสูญหายในอนาคต

16/10/2015 17:03

15 อาชีพกำลังจะสูญหายในอนาคต
ด้วยวิวัฒนาการและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่างๆในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น อีเมล์ เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ มีประโยชน์อย่างมากต่อการใช้งาน ตอบโจทย์ชีวิตของมนุษย์ยุคดิจิทัล แต่ไม่แน่ว่าสักวันเทคโนโลยีเหล่านี้อาจจะล้าสมัยไปในวันใดวันหนึ่ง เช่นเดียวกับหลายอาชีพที่เคยมีบทบาทสำคัญในอดีต และกำลังมีแนวโน้มว่าจะหมดความสำคัญลงในอนาคตหากไม่มีการปรับตัวเข้าสู่ยุค ดิจิทอล

สำนักข่าวบิซิเนสอินไซเดอร์ รายงานว่า สำนักงานสถิติแรงงานแห่งชาติสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าในปี 2022 อาชีพพนักงานไปรษณีย์จะลดลง 28% หรือคิดเป็นจำนวนตำแหน่งงานกว่า 139,100 ตำแหน่ง นอกจากนี้อาชีพที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและการตลาดก็กำลังจะได้รับผลกระทบ เช่นกัน

การสำรวจ 15 อาชีพกำลังจะสูญหายในอนาคต ของประเทศสหรัฐฯ  เป็นการสำรวจจากต่างประเทศ เพราะฉะนั้นอาจมีรายละเอียดที่แตกต่างออกไปจากประเทศไทย มาติดตามกันว่า 15 อันดับนี้จะมีอาชีพอะไรบ้างที่ทำให้พนักงานในสหรัฐอเมริกาต้องตกงานกัน

1.พนักงาน สื่อสิ่งพิมพ์ พบว่าเป็นหนึ่งใน15 อาชีพกำลังจะสูญหายในอนาคต  เนื่องจากความนิยมของหนังสือพิมพ์และนิตยสารลดลงอย่างมากในปัจจุบัน ในขณะที่สื่อดิจิทัลเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อปี 34,100 เหรีญสหรัฐฯ จำนวนประชากรที่ประกอบอาชีพ 276,000 คน คาดว่าจะมีอัตราลดลงในปี 2022 5%

2. ชาวประมง ปัจจุบันมีวิทยาการและเทคโนโลยีการประมงที่ทันสมัย มีการจับสัตว์น้ำมากขึ้น ส่งผลให้จำนวนสัตว์น้ำลดลง อีกทั้งมีการเลี้ยงสัตว์น้ำเป็นธุรกิจ และการนำเข้าอาหารทะเลเพิ่มขึ้น จึงทำให้อาชีพนี้ลดความสำคัญลงเป็นหนึ่งใน15 อาชีพกำลังจะสูญหายในอนาคต ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อปี 33,430 เหรียญสหรัฐฯ จำนวนประชากรที่ประกอบอาชีพ 31,300 คน
คาดว่าจะมีอัตราลดลงในปี 2022 5%

3.ผู้ออกแบบสิ่งพิมพ์ มีแนวโน้มลดลงเนื่องจากอาชีพกราฟฟิกดีไซน์หรือเว็บดีไซน์ อาจเข้ามาแทนที่เนื่องจากงานมีลักษณะคล้ายคลึงกัน และครอบคลุมมากกว่า
ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อปี 37,040 เหรียญสหรัฐฯ จำนวนประชากรที่ประกอบอาชีพ 16,400 คน คาดว่าจะมีอัตราลดลงในปี 2022 5%

4.เจ้าหน้าที่ควบคุมเครื่องจักรเหล็กหรือพลาสติก เนื่องจากการใช้ระบบคอมพิวเตอร์อุตสาหกรรม (Factory PC) ในโรงงานที่ทำงานได้ยาวนานและไม่หยุดพัก ได้เข้ามาแทนที่ การควบคุมการทำงานของเครื่องจักรโดยมนุษย์ การแข่งขันจากต่างประเทศ รวมถึงความต้องการสินค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้อัตราการผลิตลดลง ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อปี 32,950 เหรียญสหรัฐฯ จำนวนประชากรที่ประกอบอาชีพ 1,013,200 คน คาดว่าจะมีอัตราลดลงในปี 2022 6%

5.เจ้าหน้าที่ประกัน ภัย ปัจจุบันผู้ทำประกันภัยสามารถกรอกรายละเอียดได้สะดวกรวดเร็วผ่านทางออนไลน์ จึงทำให้อัตราความต้องการอาชีพนี้ลดลงตามเป็นหนึ่งใน15 อาชีพกำลังจะสูญหายในอนาคต ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อปี 62,870 เหรียญสหรัฐฯ จำนวนประชากรที่ประกอบอาชีพ 106,300 คน คาดว่าจะมีอัตราลดลงในปี 2022 6%

6.พนักงาน ต้อนรับบนเครื่องบิน อาชีพที่ทำหน้าที่ให้บริการและดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสาร มีแนวโน้มลดลงเนื่องจากเกิดความลำบากในการจัดการสัญญาว่าจ้างพนักงาน ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อปี  37,240 เหรียญสหรัฐฯ จำนวนประชากรที่ประกอบอาชีพ 84,800 คน คาดว่าจะมีอัตราลดลงในปี 2022 7%

7.เจ้าหน้าที่โรงงาน ไฟฟ้า ผู้ควบคุมและตรวจสอบการผลิตไฟฟ้า เช่น ผู้ควบคุมห้องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ จากการมีวิทยาการที่ทันสมัย ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น ความจำเป็นในการจ้างงานจึงลดลงเป็นหนึ่งใน15 อาชีพกำลังจะสูญหายในอนาคตเช่นกัน ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อปี 68,230 เหรียญสหรัฐฯ จำนวนประชากรที่ประกอบอาชีพ 60,700 คน คาดว่าจะมีอัตราลดลงในปี 2022 8%

8.คนจัดดอกไม้ อาชีพที่อาศัยความปราณีตและฝีมือในการออกแบบ อย่างไรก็ตามความนิยมในการซื้อดอกไม้ที่มีการจัดอย่างละเอียดปราณีตใน ปัจจุบันก็ลดลงอย่างมาก ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อปี 23,810  เหรียญสหรัฐฯ จำนวนประชากรที่ประกอบอาชีพ 62,400 คน คาดว่าจะมีอัตราลดลงในปี 2022 8%

9.ช่าง ตัดไม้ ในทุกๆปีจะมีการตัดไม้ทำลายป่าหลายพันกว่าไร่ในสหรัฐฯ  สหรัฐฯจึงมีข้อกำหนดในการจำกัดการใช้ทรัพยากรป่าไม้ของอุตสาหกรรมไม้มากขึ้น อาชีพนี้ก็ลดลงโดยปริยายก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เป็นหนึ่งใน15 อาชีพกำลังจะสูญหายในอนาคต ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อปี 33,630 เหรียญสหรัฐฯ จำนวนประชากรที่ประกอบอาชีพ 43,900 คน คาดว่าจะมีอัตราลดลงในปี 2022 9%

10. นักเจียระไนอัญมณี แนวโน้มที่ทำให้อาชีพนี้หายไปเนื่องจาก อุตสหกรรมอัญมณีส่วนมากผลิตขึ้นนอกประเทศสหรัฐอเมริกา
ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อปี 35,350 เหรียญสหรัฐฯ จำนวนประชากรที่ประกอบอาชีพ 32,700 คน คาดว่าจะมีอัตราลดลงในปี 2022 10%

11.บริษัท นำเที่ยว ปัจจุบันผู้คนสามารถวางแผนการท่องเที่ยว จองโรงเเรมผ่านทางออนไลน์หรือศึกษาข้อมูลการท่องเที่ยวทางอินเทอร์เน็ตผ่าน ทางไวไฟ(WiFi) สะดวกจากทุกสถานที่ หรือ ด้วยอุปกรณ์ไวไฟพกพา(Pocket WiFi) ใช้งานแชร์เน็ทแรงได้ทุกที่ราบรื่นไม่มีสะดุด จึงลดความสำคัญของบริษัทท่องเที่ยวที่ช่วยเป็นไกด์วางแผนการท่องเที่ยวก็ลด ตามไปด้วย ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อปี 34,600 เหรียญสหรัฐฯ จำนวนประชากรที่ประกอบอาชีพ 73,300 คน คาดว่าจะมีอัตราลดลงในปี 2022 12%

12.ผู้ สื่อข่าว หรือผู้ประกาศข่าว ผู้ทำหน้าที่รายงานสถานการณ์ต่างๆทั้งในท้องถิ่นและทั่วโลก เนื่องจากรายได้จากการโฆษณาลดลง ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ หนังสือพิมพ์ หรือโทรทัศน์ จึงมีผลต่อการการเติบโตของธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อปี 37,090 เหรียญสหรัฐฯ จำนวนประชากรที่ประกอบอาชีพ 57,600 คน คาดว่าจะมีอัตราลดลงในปี 2022 13%

13.เกษตรกร เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ หรือ อาชีพที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าทางการเกษตร เนื่องจากที่ดิน เครื่องจักร เมล็ดพันธุ์ และสารเคมีทางการเกษตร มีราคาสูงขึ้น ดังนั้นเกษตรที่มีเงินทุนมากจึงจะสามารถซื้อวัตถุดิบและอุปกรณ์ในการทำ เกษตรกรรมได้อย่างไม่ติดขัด ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อปี 69,300 เหรียญสหรัฐฯ
จำนวนประชากรที่ประกอบอาชีพ 930,600คน คาดว่าจะมีอัตราลดลงในปี 2022 19%

14.นัก ประมวลผลการทดลองในอุตสาหกรรมผลิตปัจจุบันมีหุ่นยนต์ที่สามารถประมวลผลได้ อย่างแม่นยำจึงทำให้ความต้องการแรงงานคนลดลง เป็นหนึ่งใน15 อาชีพกำลังจะสูญหายในอนาคตเช่นกัน ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อปี 33,020 เหรียญสหรัฐฯ จำนวนประชากรที่ประกอบอาชีพ 21,300 คน คาดว่าจะมีอัตราลดลงในปี 2022 21%

15.พนักงานไปรษณีย์ไปรษณีย์ที่มี ระบบการคัดแยกอัตโนมัติรวมถึงการสื่อสารด้วยระบบออนไลน์และโทรคมนาคม ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้ลดจำนวนความต้องการพนักงานไปรษณีย์ลง ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อปี 53,100 เหรียญสหรัฐฯ จำนวนประชากรที่ประกอบอาชีพ 491,600 คน คาดว่าจะมีอัตราลดลงในปี 2022 28%

Cr.ประชาชาติธุรกิจ

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

10 ผลไม้ที่ให้วิตามินซี สูง!

เคยได้ยินกันไหมคะสาวๆ ว่าวิตามินซีนั้นถือเป็นตัวช่วยที่จะปรับให้สีผิวดูกระจ่างใสขึ้น ปัจจุบันนี้ในบ้านเรา มีวิตามินซีให้เลือกทานหลากหลายรูปแบบค่ะ ทั้งแบบน้ำแบบเม็ด อีกทั้งปริมาณที่ต่างกันไป แต่! จะให้กินวิตามินตลอดไป ทุกวันๆ นั้นคงไม่ได้ดีต่อสุขภาพของเราแน่ๆ วันนี้มีผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง หาทานง่ายมาฝากสาวๆ กัน จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันค่ะ
   ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักกันก่อนว่า วิตามินซีช่วยเรื่องอะไรเราบ้าง
- ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่
- ช่วยปรับให้สีผิวกระจ่างใส นุ่มลื่นอย่างเป็นธรรมชาติ
- ป้องกันโรคหวัด
- ลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
- ช่วยเร่งให้แผลหลังผ่าตัดหายเร็วขึ้น
  แต่เมือร่างกายได้รับวิตามินในปริมาณที่มากเกินไป ก็จะขับออกมาเป็นของเสีย คือ ฉี่ นั้นเองค่ะ อย่างที่บอกไปว่านอกจากวิตามินซีจะมีในรูปแบบของเม็ดแล้วนั้น วิตามินสามารถหาได้ผลไม้ด้วย

มะขามป้อม
  ฟังชื่อแล้วอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูซักเท่าไร มะขามป้อมมีลักษณะเป็นลูกกลมๆ คล้ายกับมะยมเม็ดสีเขียว รสชาติกัดคำแรกไปอาจขมๆ แต่ถ้าดื่มน้ำตามแล้วจะรู้ว่าหวานเหมือนกันนะ และที่สำคัญมะขามป้อมนั้นมีวิตามินซีมากกว่าน้ำส้มคั้นถึง 20 เท่า!! ลองหาซื้อมาทานตามรถพุ่มพวงดูนะคะสาวๆ
ฝรั่ง
  นอกจากมะขามป้อมที่มีวิตามินสูงแล้วนั้น ฝรั่งก็ถือเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีอยู่มากไม่แพ้กันค่ะ ที่สำคัญหาทานง่าย อยู่ท้องดีต่อสุขภาพค่ะ
กีวี่
  ถึงแม้รสชาติจะแปลกๆ ฝาดๆ นิดหน่อย แต่ก็มีวิตามินสูงอยู่นะ สาวๆ คนไหนไม่ชอบทานแบบสดๆ สามารถดัดแปลงเป็นน้ำปั่นได้นะ แต่! อย่าใส่น้ำเชื่อมเยอะนะ เด้วจะอ้วนเอา =,=
ผลไม้ตระกูลเบอรี่
  พวกผลไม้ในตระกูลเบอรี่ทั้งหลาย ล้วนมีวิตามินซีอยู่มากมายค่ะ กินง่าย รสชาติอร่อย ถูกปากสาวๆ อย่างแน่นอนค่ะ
  รู้แบบนี้แล้ว อย่าลืมหาผลไม้มาไว้ติดตู้เย็น เพื่อเพิ่มวิตามินซีให้กับร่างกายกันนะคะสาวๆ ^^

Source : sanook

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558

แว่นตา “วิชั่นเนียร์”

สำหรับผู้บกพร่องทางการมองเห็น การจะแยกแยะธนบัตร อาจถือเป็นเรื่องยาก แต่ แว่นตา“วิชั่นเนียร์” ผลงานนักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จะมาช่วยให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป แว่นตา “วิชั่นเนียร์” นวัตกรรมแว่นตาพร้อมกล้องจิ๋วแยกแยะวัตถุพร้อมเสียงบรรยาย ช่วยคนตาบอดแยกธนบัตร-สีสัน-ยี่ห้อสินค้า-ไฟห้องเปิดปิดได้ภายใน 5 วินาที คว้ารางวัลที่ 2 เวทีสิ่งประดิษฐ์เพื่อคนพิการ i-CREATEd ประเทศสิงคโปร์ จากน้อง ๆ นักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ผู้ค้นคิดนวัตกรรมใหม่พร้อมโปรแกรมวิเคราะห์ภาพจากกล้องถ่ายรูป
     
นาง สาวบุษภาณี พงษ์ศิริยาภรณ์ บัณฑิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) หนึ่งในผู้ประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์สวมใส่สำหรับผู้บกพร่องทางการมองเห็นหรือ แว่นตา “วิชั่นเนียร์” กล่าวว่า ปัจจุบันทั่วโลกมีผู้พิการทางสายตามากกว่า 2 แสนคน เมื่อต้องเลือกพัฒนานวัตกรรมสำหรับการทำโครงงานจบการศึกษา เธอจึงมุ่งเป้าไปที่นวัตกรรมเพื่อกลุ่มคนตาบอด ซึ่งตรงกับความถนัดของอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานของเธอที่สร้างสรรค์ผลงาน เพื่อคนตาบอดมาแล้วหลายต่อหลายชิ้น
     
บุษภาณี กล่าวว่า ช่วงแรกเธอยังไม่มีแนวความคิดชัดเจนว่าจะทำนวัตกรรมอะไร แต่เมื่อได้ลงพื้นที่วิจัยในสถานที่จริงกับผู้พิการทางสายตาที่สมาคมคนตาบอด กรุงเทพฯ ทำให้เธอทราบว่า ปัญหาสำคัญที่คนตาบอดต้องการ การแก้ไขมีด้วยกัน 4 เรื่องหลัก ได้แก่ การแยะแยะธนบัตร, การแยกแยะสีสัน, การอ่านบาร์โค้ดเลือกซื้อสินค้า และการประเมินการเปิดปิดไฟในห้อง ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันแสนง่ายของคนทั่วไป แต่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบากสำหรับผู้พิการทางสายตา
     
เมื่อ ได้โจทย์วิจัย เธอและทีมจึงสร้างชุดประมวลผล ด้วยการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลภาพ ที่ได้จากกล้องจิ๋วขนาดเล็ก ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ซึ่งติดอยู่บริเวณด้านหน้าของแว่นตา“วิชั่นเนียร์”สำหรับผู้พิการ ทำหน้าที่เสมือนเครื่องสแกน เครื่องอ่านบาร์โค้ด ที่จะคอยจับรายละเอียดของลายน้ำบนธนบัตร,ความเข้มสีบนเสื้อผ้า,รหัสบาร์โค้ด ของสินค้าต่าง ๆ และแหล่งกำเนิดแสงในห้อง ก่อนจะประมวลผลแล้วสั่งการผ่านเสียงเพื่อบอกใหัผู้ใช้รับรู้ว่าสิ่งที่กำลัง ตรวจสอบอยู่คือวัตถุชนิดใด
     
เวลาจะใช้ก็แค่หมุนปุ่มปรับที่กล่องประมวลผลว่าจะใช้โหมดใด เช่น เครื่องสแกนเพื่ออ่านธนบัตร เครื่องสแกนบาร์โค้ดเพื่อ อ่านรหัสบาร์โค้ดสินค้า แล้วเอาวัตถุนั้นมาไว้ใกล้ๆ ตาที่ใส่แว่นตา“วิชั่นเนียร์” ประมาณ 5 วินาทีก็จะมีเสียงจากลำโพงว่าแบงค์นี้คือแบงค์อะไร สินค้านั้นเป็นอะไร ราคาเท่าไร เพราะกล้องจะจับรายละเอียดแล้วส่งข้อมูลผ่านบลูทูธไปยังส่วนวิเคราะห์ เพื่อเทียบกับฐานข้อมูล ซึ่งจะทำให้ผู้พิการใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น พึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น ซึ่งเครื่องนี้สามารถทำงานได้ โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต แต่เมื่อเชื่อมต่อแว่นตา“วิชั่นเนียร์” กับ แอปพลิเคชั่นวิชั่นเนียร์บนโทรศัพท์มือถือ จะสามารถเชื่อมต่อกับเฟซบุ๊คแฟนเพจ 'ช่วยอ่านหน่อยนะ' เพื่อขอคำอธิบายภาพที่ปรากฎด้านหน้าผู้ใช้จากบุคคลอื่น
     
บุ ษภาณี เผยว่า จุดเด่นที่ทำให้แว่นตา“วิชั่นเนียร์”ได้รางวัลเหรียญเงินด้านเทคโนโลยี สำหรับคนพิการและสูงอายุ จากเวทีการประกวดนวัตกรรมเพื่อผู้สูงอายุและผู้พิการ i-CREATEd ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ อยู่ที่การใช้งานซึ่งมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ผู้ใช้งานจริง และด้วยการออกแบบที่เรียบง่าย ใช้งานง่ายทำให้วิชั่นเนียร์เข้าถึงผู้บกพร่องทางการมองเห็นทุกระดับตั้งแต่ ตาพร่ามัวจนถึงบอดสนิท อีกทั้งมีราคาที่เหมาะสมทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่จะต่อยอดไปสู่การผลิตใน เชิงพาณิชย์
     
ก่อนนำไปแข่งขันก็นำไปให้ผู้พิการใช้ ซึ่งพวกเขาก็ให้การตอบรับค่อนข้างดี บอกว่าใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้น แต่ก็พบปัญหาใหม่คือแว่นตา“วิชั่นเนียร์”ค่อนข้างหลวม ขั้นต่อไปจึงเป็นการพัฒนาให้แว่นตา“วิชั่นเนียร์”มีความกระชับของแว่นตารับ กับสรีระใบหน้าของแต่ละคนมากขึ้น ส่วนแบตเตอรี่ที่ใช้กับกล่องประมวลผลไม่มีปัญหา ใช้ได้นานพอๆ กับแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ แล้วในอนาคตก็มีแผนที่จะพัฒนาให้เป็นนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ด้วย โดยจะพยายามทำให้ราคาถูกที่สุดเพื่อให้เข้าถึงผู้พิการทางสายตาทุกคน ซึ่งตอนนี้มีต้นทุนการผลิตแว่นตา“วิชั่นเนียร์”อยู่ที่ประมาณ 3,000-5,000 บาท

แว่นตา“วิชั่นเนียร์” เป็น 1 ใน 2 ผลงานที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 การประกวดโครงงานสิ่งประดิษฐ์สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุระดับนักศึกษา ในงานประชุมวิชาการ I-CREATe 2015 (ไอครีเอท 2015) ที่มหาวิทยาลัยนันยางเทคโนโลยี สาธารณรัฐสิงคโปร์

Cr.ผู้จัดการ,VoiceTV

วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หุ่นยนต์ส่วนตัวในบ้าน (AI)

หุ่นยนต์ส่วนตัวในบ้าน (AI)

14/10/2015 9:07

หุ่นยนต์ส่วนตัวในบ้าน (AI)
บริษัทโรบอตเบส (Robotbase) บริษัทเกิดใหม่ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ผุดไอเดียสร้าง “หุ่นยนต์ส่วนตัว (AI Robot)” สมองกลระบบอัจฉริยะ เป็นผู้ช่วยส่วนตัวในบ้าน

วิทยาการปัจจุบันด้านระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) บรรลุสำเร็จในขั้นสูงสุดที่สามารถสรุปข้อมูล และการเข้าหาองค์ความรู้ใหม่จากข้อมูลตั้งต้น แน่นอนครับว่า ปรมาจารย์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระดับโนเบลไพรซ์ เช่น ศาตราจารย์ เอิร์บ ไซม่อน  คงจินตนาการความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ (AI)ไปไกลถึงเป็นหุ่นยนต์ส่วนตัว (AI Robot) และแล้วในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าความฝันของศาตราจารย์ เอิร์บ ไซม่อน จะเป็นจริง เนื่องด้วยบรรดานักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่มุ่งไปที่ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้ งานของหุ่นยนต์ให้กลายเป็น หุ่นยนต์ส่วนตัว (AI Robot) สมองกลอัจฉริยะขึ้นมา

ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI)ของโรบอตเบสเรียกว่าเป็น “หุ่นยนต์ส่วนตัว (AI Robot)”  ที่ผู้ใช้สามารถตั้งค่าอุปกรณ์ให้รู้จำภาพ มีความเข้าใจภาษาธรรมชาติ และเทคโนโลยีอื่นๆในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI)โดยรวมอยู่ในอุปกรณ์เดียวกัน เพื่อให้พูดคุยและสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อัตโนมัติ รวมทั้งสามารถให้คำแนะนำในฐานะสไตลิสต์ส่วนตัว แม้กระทั่งเล่านิทานก่อนนอนให้เด็กฟัง

ปัญญาประดิษฐ์ (AI)ที่ถือว่าก้าวหน้าที่สุดในปัจจุบันมีอัลกอริทึมซับซ้อน มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านทัดเทียมหรือเหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป แต่ละโปรแกรมมีความอัจฉริยะในทางของตน ไม่เกี่ยวข้องกัน

ยกตัวอย่าง เช่น “ดีพบลู” (DeepBlue) เป็นโปรแกรมเล่นเกมหมากรุกที่บริษัทไอบีเอ็มคิดค้น และโค่นแชมป์หมากรุกตัวจริงอย่าง “แกร์รี คาสปารอฟ” (Kasparov) ในปี 1997 ซึ่งระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI)ทำให้คอมพิวเตอร์มีสมองและความสามารถคล้ายมนุษย์หรือเลียนแบบพฤติกรรม มนุษย์

เมื่อ 2 ทศวรรษที่ผ่านมาการผสมผสานความสามารถต่างๆไว้ในระบบเดียวกันยังไม่เกิดขึ้น จนกระทั่งบริษัทโรบอตเบสพยายามรวมระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI)หลายโปรแกรมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยพัฒนาชุดอัลกอริทึมเรียนรู้ใบหน้า อารมณ์ รู้จำวัตถุ รวมถึงเข้าใจภาษามนุษย์ที่ซับซ้อน

หุ่นยนต์ส่วน ตัว (AI Robot) จะตอบคำถามผ่านระบบค้นหาความรู้ด้วยการคำนวณที่เรียกว่า “Wolfram Alpha” เป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวในบ้านที่ใช้งานได้อเนกประสงค์ ทั้งถ่ายรูป เล่านิทาน แนะนำเมนูอาหาร เป็นสไตลิสต์ส่วนตัว จัดประชุมทางไกลเสมือน ตลอดจนระบบควบคุมสมาร์ตโฮม

ระบบหุ่นยนต์ส่วนตัว (AI Robot) จะควบคุมอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านที่เชื่อมต่อ WiFi (XBee Wi-Fi), Bluetooth, Zigbee(XBEE PRO) หรือ Wireless Z-Wave Plus มีฟังก์ชันคล้ายกับสมาร์ตโฟน สามารถตอบคำถามเรื่องสภาพอากาศ ข่าว และผลกีฬา รวมถึงการเล่นเพลง ตั้งนาฬิกาปลุก ตารางการประชุม และสั่งอาหาร

คุณสมบัติ เด่นหุ่นยนต์ส่วนตัว (AI Robot) คือ โปรแกรมควบคุมระบบอัตโนมัติในบ้าน ซึ่งมีเซ็นเซอร์หลายชนิด รวมทั้งกล้อง 3 มิติ เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ ความชื้น แสง ความดัน หรือแม้แต่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด

ตัวหุ่นยนต์ ส่วนตัว (AI Robot) ติดตั้งบนฐานล้อ มาพร้อมระบบสร้างแผนที่ทางเดินในบ้านเพื่อที่จะเคลื่อนตัวไปมาได้เอง ขณะที่ไม่มีคนอยู่บ้านกล้องในตัวหุ่นยนต์จะส่งภาพและสตรีมวิดีโอสดจากทุก ห้องภายในบ้าน โดยทำหน้าที่เป็นยามรักษาความปลอดภัยไปในตัว

การผนวก หลายโปรแกรมในหุ่นยนต์ส่วนตัว (AI Robot)ตัวเดียวนั้นท้าทายและน่าสนใจมาก ทำให้หุ่นยนต์ส่วนตัว (AI Robot)เข้าใจความซับซ้อนของภาษา การแสดงออกทางสีหน้า น้ำเสียง และข้อมูลอื่นๆประกอบกัน

ในช่วงเริ่ม ต้นผู้ผลิตหุ่นยนต์ส่วนตัว (AI Robot)ได้เปิดตัวซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส ซึ่งเปิดกว้างสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบ Android ที่สนใจเข้ามาสร้างแอพพลิเคชั่นของตัวเองเพื่อจำหน่ายในร้านค้าเสมือนจริงใน ช่วงปลายปีนี้

การระดมทุนออนไลน์บรรลุเป้าหมายที่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (1.6 ล้านบาท) ไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนราคาสั่งจองหุ่นยนต์ส่วนตัว (AI Robot)ประมาณ 32,000 บาท ยังไม่รวมการจัดส่งนอกสหรัฐ 6,400 บาท คาดว่าจะเริ่มส่งมอบลูกค้าได้ภายในเดือนธันวาคมปีนี้

Cr.โลกวันนี้

2 นักศึกษาไทยกับรถไฟชินคันเซ็น

เมื่อเร็วๆ นี้ประเทศญี่ปุ่นจ้าวแห่งเทคโนโลยีรถไฟระบบรางก็เพิ่งเปิดตัวรถไฟพลังแม่ เหล็กอย่าง Maglev ทำลายสถิติอีกครั้งโดยฝ่ากำแพงความเร็ว 600 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นไปสร้างสถิติที่ 603 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้แล้ว ส่วนในประเทศไทยกำลังปฏิรูปพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งขนานใหญ่เพื่อนำพาประเทศไทย เป็นศูนย์กลางคมนาคมของภูมิภาคอาเซียนก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่งคั่งและ ยั่งยืน โดยมีสองหนุ่มนักศึกษาคนรุ่นใหม่จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) ประเทศไทยได้รับคัดเลือกบินไปฝึกงานและออกแบบชิ้นส่วนรถไฟความเร็วสูงชินคัน เซ็น ณ โรงงานฮิตาชิ เมืองยามากูชิ ประเทศญี่ปุ่น

รศ.ดร.คมสัน มาลีสี คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) กล่าวว่า เป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสไปเรียนรู้งานรถไฟ ความเร็วสูงชินคันเซ็นที่มีชื่อเสียงระดับโลกด้านวิจัยและพัฒนารถไฟความเร็ว สูงในแดนอาทิตย์อุทัย ฮิตาชินั้นอยู่ภายใต้กลุ่มเจอาร์ กรุ๊ปหรือการรถไฟประเทศญี่ปุ่น และเป็นปีแรกที่บริษัทฮิตาชิตอบรับให้มีนักศึกษาไทยเข้าฝึกงานที่โรงงาน โดยให้โควต้าเพียง 2 คน ซึ่งก่อนไปทั้งสองได้ผ่านด่านคัดเลือกกันหลายด่านเลยทีเดียว

ตั้งแต่ ความรู้ความสามารถในวิชาวิศวกรรมไปจนถึงความสามารถพิเศษทางภาษาญี่ปุ่น โดยในขั้นแรกฝ่ายคณาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล จะเป็นผู้คัดเลือกโดยดูจากประวัติการเรียน ความรู้ความสามารถในวิชาวิศวกรรม ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ และมีข้อบังคับว่าต้องสามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นในขั้นพื้นฐานได้ จากนั้นเมื่อผ่านการคัดเลือกจึงไปสัมภาษณ์ที่สำนักงานใหญ่ของฮิตาชิในประเทศ ไทย โดยมีระยะเวลาในการฝึกงาน 30 วัน ซึ่งนักศึกษาทั้งสองคนนั้นได้เก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการขน ส่งระบบรางในอนาคต และสามารถนำประสบการณ์มาใช้ในการพัฒนาระบบรถไฟของประเทศ

ผศ.ดร.มน ศักดิ์ พิมสาร ประธานสาขาวิศวกรรมขนส่งทางราง คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) กล่าวถึง หลักสูตรวิศวกรรมขนส่งทางราง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) ได้เปิดมาเป็นปีที่ 2 แล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะผลิตวิศวกรที่มีความรู้ความรู้สามารถอย่างเชี่ยวชาญทั้ง ทางวิชาการและทางปฏิบัติเพื่อรองรับการพัฒนาประเทศและตอบรับวิถีโลกศตวรรษ ที่ 21 ที่การอุปโภคบริโภคที่เพิ่มมากขึ้นจึงต้องมีการจัดระบบการขนส่งให้มี ประสิทธิภาพมากที่สุด ไร้มลพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยแก้ปัญหารถติดได้

มารู้จักกับ 2 นักศึกษาไทยคนรุ่นใหม่จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) ประเทศไทยได้รับคัดเลือกบินไปฝึกงานและออกแบบชิ้นส่วนรถไฟความเร็วสูงชินคัน เซ็น ณ โรงงานฮิตาชิ เมืองยามากูชิ ประเทศญี่ปุ่น

นายธณวิน มั่นสกุล นักศึกษาชั้นปีที่4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) กล่าวดีใจที่ได้รับโอกาสไปฝึกงานที่ประเทศญี่ปุ่นในโรงงานผลิตชิ้นส่วน และประกอบรถไฟชินคันเซ็น ซึ่งมีพนักงานรวมกว่า 1,500 คน ได้ฝึกงานในส่วนของแผนกวิศวกรรมล้อเลื่อน (Rolling stock) โรงงานนี้ทำงานเชื่อมโยงกับเจอาร์กรุ๊ปในการออกแบบและผลิตชิ้นส่วนของตู้ผู้ โดยสารชินคันเซ็น เช่น พื้นของห้องโดยสาร หรือที่เรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า โยโกฮาริ (yokohari) เป็นต้น ผมได้ฝึกการออกแบบชิ้นส่วนของรถไฟชินคันเซ็นและมีโอกาสได้ดูงานการประกอบ รถไฟ การใช้เครื่องมือวัดขนาดต่างๆ อุปกรณ์สำหรับใช้วัดขนาดงานความละเอียดสูง หรือพวกไมโครมิเตอร์ (Micrometer)  ก่อนนำแต่ละชิ้นส่วนมาประกอบกัน

เริ่ม จากการฝึกดูแบบ 2 มิติ จากนั้นนำมาวาดให้เป็น 3 มิติ แล้วจึงนำมาทดลองใส่แรงกระทำเพื่อทดสอบว่าสามารถนำเอาไปใช้ได้จริงไหม และยังได้ออกแบบชิ้นส่วนที่จะนำไปใช้ประกอบรถไฟจริง โดยได้ออกแบบเป็นพื้นของห้องโดยสารรถไฟชินคันเซ็น บรรยากาศของการทำงานของคนญี่ปุ่น ผู้ที่เป็นคนดูแลระหว่างฝึกงานนั้นได้ให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาให้ ระหว่างที่ฝึกทำงานจะมีงานวิจัยด้านการออกแบบและพัฒนาให้เราศึกษาค้นคว้า และได้เข้าเทรนนิ่งสำหรับทีมงานชินคันเซ็นทุกๆวันพุธ

คนญี่ปุ่นจะทำ งานกันจริงจังไม่มีคุยเล่นระหว่างงาน ถ้าจะคุยก็ต่อเมื่อพักกลางวัน และทำงานหนักโดยจะมีการทำงานล่วงเวลา 2 ช่วง คือช่วง 6-8 โมงเช้า และอีกช่วงคือ 5 โมงเย็นถึงสี่ทุ่ม โดยอุปนิสัยของคนญี่ปุ่น มีความขยัน ทุ่มเท มีระเบียบวินัย รักองค์กร และให้ความสำคัญด้านการเสริมสร้างความปลอดภัยระหว่างการทำงาน เช่น การบังคับให้สวมใส่อุปกรณ์รักษาความปลอดภัย เช่น แว่น หมวกและรองเท้านิรภัยทุกครั้งหากเข้าโรงงาน

นายฐาปนิก ศรีพันธ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) บอกเล่าความประทับใจที่มีต่อการฝึกงานที่โรงงานฮิตาชิ เมืองยามากูชิ ประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ว่า สนใจและหลงใหลในรถไฟหัวกระสุนนี้มาตั้งแต่เด็กทำให้ตั้งใจเกี่ยวเก็บความรู้ และประสบการณ์ที่ได้จากการฝึกงาน ในระหว่างฝึกงาน รู้สึกประทับใจมาก เพราะไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน จึงได้เปิดโลกทัศน์ ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากทีมงานชาวญี่ปุ่นที่ให้คำแนะนำและวิจารณ์ผลงานซึ่ง ทำให้เราได้พัฒนาทักษะต่างๆจากที่ได้เรียนมา รวมถึงความรู้และประสบการณ์ตรงนอกเหนือจากห้องเรียน ผมได้ฝึกงานที่ฝ่ายการผลิต ได้ทำหน้าที่ออกแบบ และสั่งผลิต ได้ใช้เครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ ไมโครมิเตอร์ (Micrometer) เวอร์เนียคาลิปเปอร์ (Vernier Caliper) เครื่องวัดขนาด และอื่น ๆ ที่นำมาใช้ในงานออกแบบและทำการผลิต

หน้าที่ โดยรวมคือการประสานงานกับฝ่ายผลิตโดยตรง โรงงานฮิตาชิแห่งนี้จะผลิต 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ ชิ้นส่วนต่างๆของรถไฟ ทั้งรถไฟความเร็วสูงอย่างชินคันเซ็น รถไฟรางเดียว (Monorail) และรถไฟฟ้าใต้ดิน (Subway) ต่อมา คือ ระบบปรับอากาศ (Air Conditioning) และตู้รถไฟโดยสาร (Car) นอกเหนือจากนี้ สิ่งทีได้ฝึกฝนในระหว่างการฝึกงาน คือ ภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ หากสนทนาโดยทั่วไปในที่ทำงานจะใช้ภาษาญี่ปุ่น แต่ถ้าเป็นเรื่องงานทางด้านวิศวกรรมจะใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ในช่วงเวลาหยุดสุดสัปดาห์ ผมกับธณวินก็จะออกไปท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆในประเทศญี่ปุ่นโดยใช้รถไฟชินคัน เซ็น ในอนาคตจะได้นำไปพัฒนาการรถไฟในประเทศของเรารวมถึงแบ่งปันประสบการณ์เป็นแรง บันดาลใจให้นักศึกษารุ่นน้องที่สนใจในอนาคตด้วยครับ

โลกคมนาคมขนส่ง ก้าวไกลด้วยการวิจัยและพัฒนาคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยขนส่งระบบรางเพื่อตอบสนองความต้องการของการคมนาคมในเมือง ระหว่างเมือง และเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน แล้วอีกไม่นานประเทศไทยเราก็มีระบบขนส่งระบบรถไฟฟ้าทั้งที่เชื่อมระหว่าง เมือง และรถไฟฟ้าภายในเมืองเชื่อมโยงครบวงจรอีกในไม่ช้าไม่นาน

Cr.Thai PR

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สตาร์เชดส์ ค้นหาดาวเคราะห์

สตาร์เชดส์ ค้นหาดาวเคราะห์

สตาร์เชดส์ ค้นหาดาวเคราะห์
โครงการ "สตาร์เชดส์ (Starshade)" ค้นหาดาวเคราะห์ เป็นโครงการที่แอนโธนี ฮาร์เนสส์ นักศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยโคโลราโด เมืองบุลเดอร์ สหรัฐอเมริกา คิดค้นระบบที่ทำงานร่วมกับกล้องโทรทรรศน์อวกาศเพื่อช่วยให้กล้องโทรทรรศน์ เหล่านั้นสามารถตรวจสอบพบดาวเคราะห์ในกาแล็กซีที่ห่างไกลได้ดีขึ้น และสามารถถ่ายภาพได้ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม

โครงการ "สตาร์เชดส์ (Starshade)" เป็นโครงการที่ฮาร์เนสส์ออกแบบและดำเนินการทดสอบร่วมกับทิฟฟานี กรอสส์แมน และสตีฟ วอร์วิค ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินอวกาศจากบริษัท นอร์ธร็อป กรัมแมน เพื่อทดสอบการใช้งานของสตาร์เชดส์ (Starshade)บนพื้นโลกเพื่อพิสูจน์หลักการทำงานก่อนที่ จะเดินหน้าโครงการเต็มตัวร่วมกับโครงการสำรวจและศึกษาดาวเคราะห์ที่มีสภาพ ใกล้เคียงกับโลกในกาแล็กซีอื่นๆ ที่เรียกว่าโครงการ "เอ็กโซ-เอส" โดยมีมูลค่าของโครงการสูงถึง 1,000 ล้านดอลลาร์

"สตาร์เชดส์ (Starshade)" ค้นหาดาวเคราะห์ เกิดขึ้นจากความเป็นจริงที่ว่า เมื่อใดก็ตามที่เราหมุนกล้องโทรทรรศน์เข้าหาดาวฤกษ์สักดวง ความสว่างจ้าของมันที่วัดได้จาก เครื่องวัดแสง (LUX Meter) จะมากเสียจนกลบแสงสะท้อนจากดาวเคราะห์ที่โคจรอยู่โดยรอบ จนเกือบหมด เนื่องจากแสงที่สะท้อนออกมาจากดาวเคราะห์ทั้งหลายซึ่งไม่มีแสงสว่างในตัวเอง นั้นเบาบางกว่าแสงที่ดาวฤกษ์เปล่งออกมาจากตัวของมันเองได้มากที่สุดถึง 1,000 เท่า ทำให้การค้นหาดาวเคราะห์เหล่านั้นเป็นไปได้ยาก และการถ่ายภาพยิ่งยากมากขึ้นไปอีก

หลักการทำงานของสตาร์เชดส์ (Starshade) ค้นหาดาวเคราะห์ คล้ายๆ กับการทำงานพื้นฐานของเราเองเมื่อเรายกมือขึ้นป้องตาเพื่อลดแสงสว่างของดวง อาทิตย์ที่เข้าสู่ตาของเราลง แล้วทำให้เราสามารถมองเห็นอะไรๆ ได้ชัดเจนขึ้นนั่นเอง "สตาร์เชดส์ (Starshade)" ก็จะทำหน้าที่แบบเดียวกัน คือ ทำหน้าที่บังแสงของดาวฤกษ์และเป็น เครื่องวัดแสง (LUX Meter)ให้กับกล้องโทรทรรศน์ ขนาดของมันอาจหลากหลายแตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไป "สตาร์เชดส์ (Starshade)" ควรมีขนาดกว้างราวๆ 30 เมตร และจะโคจรอยู่ห่างจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเพื่อทำงานควบคู่กันเป็นระยะทางนับ หมื่นๆ ไมล์ก็ได้

ลักษณะของสตาร์เชดส์ (Starshade) จะไม่เป็นทรงกลมสมบูรณ์ แต่จะมีแผ่นโลหะลักษณะเหมือนกับกลีบดอกไม้เรียงต่อกัน เพื่อให้ริมขอบมีความนุ่มนวลลง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการโค้งงอของแสงน้อยลง ทำให้ส่วนที่เป็นเงามีความมืดมากขึ้น

สตาร์เชดส์ (Starshade) สามารถใช้งานร่วมกับ กล้องโทรทรรศน์อวกาศใดๆ ก็ได้ ตั้งแต่กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์ เรื่อยไปจนถึงกล้องโทรทรรศน์อวกาศใดๆ ที่จะมีการจัดส่งขึ้นไปสู่วงโคจรในอวกาศในอนาคต

ในการเตรียมการทดสอบ การทำงานของสตาร์เชดส์ (Starshade)จากภาคพื้นดิน ฮาร์เนสส์ใช้กล้องโทรทรรศน์ภาคพื้นดิน 2 กล้อง และใช้จรวดนำสตาร์เชดส์ (Starshade) ค้นหาดาวเคราะห์ขึ้นสู่ท้องฟ้าในระดับสูงราว 2 กิโลเมตรเหนือพื้นดิน บริเวณลำตัวจรวดที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ติดตั้งหลอดไฟแอลอีดีที่ทำหน้าที่ทั้งเป็นตัวกำหนดตำแหน่งที่แน่ชัดของสตา ร์เชดส์ (Starshade) และเป็นจุดทดสอบ โดยทำหน้าที่แทนแสงจากดาวเคราะห์ที่อ่อนจางมากเมื่อเทียบกับแสงสว่างจ้าใน ยามกลางวันของท้องฟ้าในทะเลทรายอันเป็นสถานที่ทดสอบและวัดแสงจากเครื่องมือวัดแสง (LUX Meter)

กล้อง โทรทรรศน์ 2 กล้อง จะทำหน้าที่ถ่ายภาพพื้นที่เดียวกัน กล้องแรกจะถ่ายภาพดังกล่าวเพียงลำพัง กล้องตัวที่สองจะทำงานร่วมกับสตาร์เชดส์ (Starshade) โดยเป้าหมายเปรียบเทียบความสว่างของแสงจากเครื่องวัดแสง (LUX Meter) เทียบกับดวงไฟแอลอีดี

ฮาร์เนสส์เชื่อว่าภาพถ่ายที่ ได้จากกล้องโทรทรรศน์ที่ทำงานร่วมกับสตาร์เชดส์ (Starshade)จะให้ค่าคอนทราสต์สูงกว่า เป็นพันเท่าเมื่อเทียบกลับกล้องที่ทำงานโดยลำพังนั่นเอง


Cr.ประชาชาติธุรกิจ

กลุ่มเครือข่ายผู้ป่วย HIV ร่อนหนังสือจี้ผู้จัด "เพื่อนรักเพื่อนริษยา" ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง


                กลุ่มเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี ส่งหนังสือถึงผู้บริหารช่อง 3 และผู้จัดละคร "เพื่อนรักเพื่อนริษยา" รับผิดชอบต่อสังคม ออกมาให้ข้อมูลที่ถูกต้องของผู้ติดเชื้อ หลังละครสื่อสารเกินจริง
               จาก กรณีที่มีชาวเน็ตออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวางถึงฉากจบของละครเรื่อง "เพื่อนรักเพื่อนริษยา" ที่เพิ่งอวสานไปเมื่อวานนี้ (6 ตุลาคม) ซึ่งเนื้อหาเป็นการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ป่วยโรคเอดส์ที่ดูไม่เหมาะสม ดูรุนแรงและเกินความเป็นจริงไปมาก ทำให้อาจเกิดทัศนคติในเชิงลบแก่ผู้ที่ได้รับชม (อ่านข่าว : เพื่อนรักเพื่อนริษยา ตอนจบ โดนติงหนัก นำเสนอเรื่องโรคเอดส์ไม่เหมาะสม )

               ล่า สุดวันนี้ (7 ตุลาคม 2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย พร้อมมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ได้มีการส่งหนังสือชี้แจงและขอความร่วมมือไปยัง ผู้บริหารบริษัท บ้านละคอน จำกัด และผู้บริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เพื่อเรียกร้องให้ผู้จัดละคร "เพื่อนรักเพื่อนริษยา" และทางช่อง 3 ออกมาให้ข้อมูลที่ถูกต้องในเรื่องเอชไอวี/เอดส์


               สำหรับเนื้อหาในหนังสือ ระบุดังนี้ ...

               ตาม ที่ละครเรื่อง "เพื่อนรักเพื่อนริษยา" ของบริษัท บ้านละคอน จำกัด ที่ออกอากาศในวันที่ 6 ต.ค. ที่มีฉากหนึ่งของเรื่อง เป็นฉากที่หนึ่งในตัวแสดงหลักติดเชื้อเอชไอวี เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และเสียชีวิตจากเอดส์นั้น ทางเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย และมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ เห็นว่า ฉากดังกล่าวเป็นการสร้างความเข้าใจผิดในเรื่องเอชไอวี/เอดส์ อย่างร้ายแรง ดังนี้

               1. การสื่อสารว่าโรคเอดส์มีระยะสุดท้าย และระยะวิกฤติ รวมทั้งการให้ภาพผู้ป่วยที่มีแผลเหวอะหวะและมีเลือดออกทั้งร่างกาย จะทำให้สังคมเข้าใจผิด เกิดความกลัว รังเกียจ ไม่อยากเข้าใกล้ผู้ติดเชื้อเอชไอวี

               2. การสื่อสารว่าเมื่อติดเชื้อเอชไอวีแล้วจะต้องเสียชีวิต

               การ สื่อสารดังกล่าวเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงในเรื่องเอชไอวี/เอดส์ ที่ว่า โรคเอดส์ไม่ได้แบ่งเป็นระยะดังกล่าว แต่แบ่งเป็น "ผู้ติดเชื้อเอชไอวี" กับ "ผู้ป่วยเอดส์" ซึ่งแตกต่างกันที่ ผู้ติดเชื้อ คือผู้ที่ได้รับเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายแล้วและยังไม่มีอาการป่วยใด ๆ ในขณะที่ ผู้ป่วยเอดส์ คือ ผู้ที่ป่วยด้วยโรคฉวยโอกาส อันเกิดจากภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งโรคฉวยโอกาสทุกโรคสามารถรักษาให้หายได้ ซึ่งเมื่อได้รับการรักษาและหายป่วยแล้วก็จะกลับมาเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีตาม เดิม ไม่มีโรคฉวยโอกาสที่ทำให้มีลักษณะเหมือนที่ละครได้สื่อสารออกไป

               อย่าง ไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อเอชไอวีเมื่อรู้ตัวว่ามีเชื้อ ไม่จำเป็นจะต้องป่วยเอดส์ เพราะปัจจุบันมีการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวี ซึ่งครอบคลุมอยู่ในสิทธิประโยชน์ของหลักประกันสุขภาพ ที่ทำให้ผู้ติดเชื้อ ทุกคน ได้รับยาไวรัสฯ ทันที และเริ่มยาเร็วเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ภูมิคุ้มกันไม่ถูกทำลาย ทำให้มีสุขภาพแข็งแรง เรียนได้ ทำงานได้ ไม่แตกต่างจากคนทั่วไป และดูไม่ออกจากรูปลักษณ์ภายนอก โดยเมื่อผู้ติดเชื้อ เข้าสู่การรักษาดังเช่นตัวละครในเรื่องเพื่อนรักเพื่อนริษยาแล้ว ผู้ติดเชื้อ คนดังกล่าวก็จะไม่ได้มีสภาพป่วยโทรม และต้องเสียชีวิตในที่สุด

               อนึ่ง การสื่อสารที่บิดเบือนข้อเท็จจริง และผลิตซ้ำความเข้าใจผิดในเรื่องเอชไอวี/เอดส์นั้น จะส่งผลให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีอยู่ในสังคมได้อย่างยากลำบาก เกิดการรังเกียจ กีดกันไม่ให้อยู่ร่วมกันในสังคมเพราะเชื่อว่าติดเชื้อแล้วสุดท้ายจะเป็นดัง ภาพที่ละครได้เสนอออกมา ทั้งที่ผู้ติดเชื้อเอชไอวีก็ไม่แตกต่างจากคนทั่ว ๆ ไป รวมทั้งยังส่งผลให้คนที่มีโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อไม่กล้าเข้ามารับการตรวจ รักษา เพราะเชื่อว่ารักษาไม่หาย เมื่อติดเชื้อเอชไอวีแล้วก็ต้องเสียชีวิตอย่างทรมาน

               ยิ่ง ไปกว่านั้น ก็จะส่งผลให้คนที่มีเพศสัมพันธ์ มองความเสี่ยงต่อการรับเชื้อเอชไอวีของตนเองพลาด และไม่ได้ป้องกัน เพราะคิดว่าคนที่ตัวเองมีเพศสัมพันธ์ด้วย ไม่มีเชื้อเอชไอวีแน่นอน เพราะถ้ามีเชื้อ ต้องแสดงอาการป่วยให้เห็นเหมือนในละคร ซึ่งผลกระทบทั้งหมดนี้จะเป็นการสร้างปัญหาในการทำงานป้องกันและแก้ไขปัญหา ด้านเอดส์ให้กับสังคมและประเทศในระยะยาว

               เครือ ข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทยและมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ซึ่งเป็นองค์กรสาธารณะประโยชน์ที่ทำงานในเรื่องเอชไอวี/เอดส์มากว่า 20 ปี จึงขอเรียกร้องให้ผู้จัดละคร "เพื่อนรักเพื่อนริษยา" และผู้บริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์ฯ รับผิดชอบด้วยการแก้ไขข้อมูล และให้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและรอบด้านแก่สังคม ผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่ทางสถานีมีโดยด่วน

               ไม่ว่าจะผ่าน รายการ ข่าว สกู๊ป หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องเอชไอวี/เอดส์ให้แก่สังคม โดยทางเครือข่ายผู้ติดเชื้อ ยินดีส่งตัวแทน "ผู้ติดเชื้อเอชไอวี" ที่พร้อมเปิดเผยตนเอง เข้าร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การอยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีและให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงแก่ผู้จัดละคร/ผู้บริหารสถานีฯ หรือเผยแพร่ให้ผู้ชม รับทราบจากกรณีดังกล่าว

               หากทางผู้จัดละครหรือผู้บริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์ฯ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องเอชไอวี/เอดส์ สามารถดูได้ที่ www.thaiplus.net หรือติดต่อ คุณอภิวัฒน์ กวางแก้ว โทรฯ 086-881-4679

Cr  : kapook

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ตลาดสด LED ประหยัดพลังงาน

ตลาดสด LED ประหยัดพลังงาน

6/10/2015 14:21

ตลาดสด LED ประหยัดพลังงาน
หลอดไฟแอลอีดี(LED)เริ่มได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดเด่นที่สามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่าหลอดทั่วไป แม้ในช่วงแรกยังมีปัจจัยด้านราคาที่สูงกว่าหลอดไฟทั่วไปหลายเท่าตัว เข้ามามีผลต่อการตัดสินใจซื้อของกลุ่มผู้บริโภค แต่ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ตลาดหลอดแอลอีดีมีการเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้เป็นผลมาจากราคาหลอดไฟแอลอีดีที่เริ่มปรับลดราคาลงต่อเนื่อง ทำให้ตลาดแอลอีดีมีการเติบโตที่สวนกระแสกับตลาดหลอดไฟในกลุ่มอื่นๆอย่างเห็น ได้ชัด
ขณะที่ด้านอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นของหลอดไฟแอลอีดี หรือประมาณ 10 ปี จะทำให้โอกาสในการเปลี่ยนหลอดไฟน้อยลง

ณ ตอนนี้หน่วยราชการได้ใช้เริ่มนำหลอดแอลอีดีมาติดตั้งตามหน่วยงานราชการ ตลาด แล้วเห็นผลคือค่าไฟฟ้าประหยัดลงเกือบถึง 50% ซึ่งตลาดนำล่องที่เปลี่ยนหลอดไฟเป็นหลอดแอลอีดี หลอดไฟเปิดปิดอัตโนมัติ ด้วยแอลอีดี เป็นตลาดเทศบาลนครสวรรค์ ร่วมมือกับสำนักงานพลังงานจังหวัดนครสวรรค์ จัดทำ “โครงการจ้างออกแบบและติดตั้งตลาดสด LEDประหยัดพลังงาน”

เทศบาลนคร นครสวรรค์ ช่วงเดือนที่ผ่านมาได้มีการลงนามในข้อตกลงกับกระทรวงพลังงาน สร้างจิตสำนึกส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสมด้านพลังงานทดแทนสำหรับ เป็นตัวอย่าง ทั้งนี้ จากการได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับค่าไฟฟ้าที่ผู้ค้าขายในตลาดสดเทศบาล นครสวรรค์ ต้องแบกรับค่าไฟฟ้าด้วยอัตราสูงในแต่ละเดือนรวมทุกรายแล้วมีจำนวนเดือนละ กว่า 40,000 บาท

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้มอบให้สำนักงานพลังงานจังหวัดนครสวรรค์ จัดทำ “โครงการจ้างออกแบบและติดตั้งตลาดสดประหยัดพลังงาน หรือ ตลาดสด LED ” โดยใช้งบประมาณจากกองทุนเพื่อการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อดำเนินการให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประหยัดพลังงานด้วยตน เอง และยังทำให้เกิดแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานให้กับประชาชนใน จังหวัด นอกเหนือจากการลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าด้านพลังงานของประเทศ และรองรับกลไกด้านราคาทางด้านพลังงานในการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี นี้ รวมทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้ในด้านพลังงานอีกทางหนึ่งด้วย

ทาง ด้านนายณรงค์ อยู่สนิท หัวหน้ากลุ่มอำนวยการ และแผนพลังงานสำนักงานพลังงานจังหวัดนครสวรรค์ในฐานะผู้จัดการโครงการฯ เผยว่า ได้ชี้แจงอบรมทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการในตลาดซึ่งเบื้องต้นไม่มั่นใจว่า การเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมดที่มีราคาสูงกว่าเดิมจะช่วยในการประหยัดค่าไฟ ได้ดีขึ้นหรือไม่และจะคุ้มค่ามากน้อยเพียงใด จึงช่วยให้มีเสียงตอบรับที่ดีขึ้นโดยที่บางรายได้เปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้ามาใช้ หลอด LED ด้วยตัวเองก่อนดำเนินการ

หลังจากมีการปรับเปลี่ยนมาใช้ หลอดไฟ LED และ หลอดไฟเปิดปิดอัตโนมัติ ในบริเวณรัศมีส่องสว่างของหลอดไฟและบริเวณข้างเคียงโดยรอบตลาดสด LEDแห่งนี้แล้วได้ช่วยเพิ่มความสว่างภายในตลาดสด LEDได้มากขึ้น ทั้งยังช่วยให้อัตราค่าไฟฟ้าลดลงร้อยละประมาณ 43 ซึ่งเท่ากับเป็นการใช้พลังงานได้อย่างเหมาะสม สามารถเห็นผลได้เร็วโดยใช้งบลงทุนต่ำกว่าการใช้เทคโนโลยีอื่น ด้วยการใช้หลอดไฟประหยัดพลังงานแอลอีดีและระบบเปิดปิดไฟอัตโนมัติเท่าที่จำเป็น

สำหรับ นายจิตตเกษมณ์ นิโรจน์ธนรัฐ นายกเทศมนตรีนครนครสวรรค์ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมระบุว่า หลังจากที่สำนักงานพลังงานจังหวัดได้เข้ามาเปลี่ยนหลอดไฟแบบเดิมที่ได้ติด ตั้งในตลาดสด ไว้ก่อนหน้านี้ซึ่งมีจำนวนประมาณ 200 หลอดรวมทั้งเปลี่ยนมาติดตั้งหลังคาโปร่งแสงบางส่วนเพื่อเพิ่มความสว่างภายใน ตลาดช่วงกลางวันแล้วได้เห็นผลที่ชัดเจนตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา คืออัตราค่าไฟฟ้าลดลงเหลือเพียงเดือนละ 2 หมื่นบาทเศษ หรือเกือบครึ่งหนึ่งของอัตราที่เคยจ่ายก่อนหน้านี้ ซึ่งได้ก่อให้เกิดความชื่นชมยินดีแก่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสด LED นครสวรรค์อย่างมากโดยที่ร้านค้าบางแห่งไม่ต้องเสียค่าไฟฟ้าเลยก็มี ช่วงนี้จึงเตรียมขยายโครงการไปยังตลาดสด อื่นๆ ภายในจังหวัดต่อไปโดยใช้ ตลาดสด LED เทศบาลนครนครสวรรค์ เป็นโครงการนำร่อง

Cr.ไทยรัฐ