วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
Flight Centre wins price-fixing battle
FLIGHT Centre has won its long running battle against the consumer watchdog after successfully overturning a price fixing judgment made against it.
THE full bench of the Federal Court on Friday overturned the 2013 judgment that saw the company fined $11 million over six alleged breaches of the Trade Practices Act.
The case was brought on by the Australian Competition and Consumer Commission, which accused Flight Centre of breaching the Trade Practices Act between 2005 and 2009 by insisting the airlines it worked with not offer cheaper prices directly to customers than were available to the travel retailer.
Chief executive Graham Turner welcomed the decision and again defended the company's actions. "As an agent that provides considerable advice and help to the travelling public and extensive marketing for airlines, FLT asks for appropriate commissions from suppliers and also reasonable access to all deals that they release to the market," he said in a statement.
"This is a logical and natural business request for an agent to make to ensure the customers it serves on behalf of airlines are not disadvantaged."
The decision means the $11 million Flight Centre paid in fines will be refunded, with interest, which will provide a boost to its 2015/16 financial year results.
The ACCC has also been ordered to pay the company's legal bill. Flight Centre shares were down 41 cents at $35.10 at 1153 AEST.
Cr : The Australian
พบซากโบอิ้งคาดเป็น‘MH370’
ความ หวังคลี่คลายปริศนา "เอ็มเอช 370" เริ่มเห็นแสงรำไรอีกครั้ง ชิ้นส่วนที่เชื่อว่าเป็นส่วนปีกเครื่องบินเกยหายเกาะเรอูนียงนอกทวีปแอฟริกา ผู้เชี่ยวชาญเร่งพิสูจน์ "นาจิบ ราซัค" ชี้ "เป็นไปได้มาก" ที่เป็นชิ้นส่วนโบอิ้ง 777 หลายฝ่ายยังเตือนอย่าเพิ่งด่วนสรุป
เครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลนส์ เที่ยวบินเอ็มเอช 370 หายสาบสูญอย่างน่าพิศวงเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2557 พร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิตที่กำลังเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่งของจีน การค้นหาจนถึงขณะนี้ยังคงไม่พบซากเครื่องบินที่คาดว่าน่าจะตกลงสู่ก้น มหาสมุทรอินเดียตอนใต้ ทว่าเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ข่าวการค้นพบเศษชิ้นส่วนที่คาดว่าน่าจะเป็นของเครื่องบินโดยสารได้เพิ่มความ หวังว่าชิ้นส่วนนี้อาจเป็นของเครื่องบินลำนี้
ชิ้นส่วนขนาดความยาว 2 เมตรถูกคลื่นซัดมาเกยชายหาดของเกาะเรอูนียง ดินแดนของฝรั่งเศสในมหาสมุทรอินเดีย ที่อยู่นอกชายฝั่งของเกาะมาดากัสการ์ และอยู่ห่างจากบริเวณที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อกันว่าเป็นจุดตกของเที่ยวบินนี้ ราว 4,000 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นเรอูนียงกล่าวว่า คณะกรรมการสอบสวนความปลอดภัยด้านการบินพลเรือนของฝรั่งเศส หรือ BEA ได้รับการร้องขอให้เข้ามาสอบสวนที่มาของชิ้นส่วนนี้แล้ว
"เราไม่ตัดทฤษฎีใดทิ้ง รวมถึงทฤษฎีที่ว่ามันเป็นชิ้นส่วนของโบอิ้ง 777" เจ้าหน้าที่เกาะเรอูนียงกล่าว
ด้านนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 ก.ค.ว่า ชิ้นส่วนนี้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของปีก มี "ความเป็นไปมากว่าจะมาจากโบอิ้ง 777 แต่เราจำเป็นต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนว่ามันเป็นของเที่ยวบินเอ็มเอช 370 หรือไม่"
เขากล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่จะส่งชิ้นส่วนนี้ไปยังเมืองตูลูส ทางภาคใต้ของฝรั่งเศส เพื่อให้ BEA ตรวจสอบ
นอกเหนือจากชิ้นส่วนขนาดใหญ่ดังกล่าวแล้ว เอเอฟพีรายงานอ้างคำกล่าวของจอห์นนี บีเก สมาชิกสมาคมรักษาความสะอาดของเกาะท่องเที่ยวแห่งนั้น กล่าวด้วยว่า เขายังพบชิ้นส่วนของกระเป๋าเดินทางที่มีซิปรูดปิดอยู่ในบริเวณเดียวกับที่พบ ชิ้นส่วนขนาดใหญ่นี้เมื่อวันก่อนด้วย "ชิ้นส่วนนี้อยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อวาน แต่ไม่มีใครสนใจ" เขากล่าว เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสได้เก็บชิ้นส่วนกระเป๋านี้ไปตรวจสอบแล้วเช่นกันเมื่อวัน พฤหัสบดี
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจด้านความปลอดภัยทางอากาศของฝรั่งเศสบนเกาะเรอูนียง กำลังศึกษาชิ้นส่วนนี้และผู้เชี่ยวชาญจากมาเลเซียได้เดินทางไปยังพื้นที่ แล้วนั้น หลายฝ่ายได้เตือนว่าไม่ควรรีบด่วนสรุปว่าชิ้นส่วนนี้เป็นของเที่ยวบินเอ็มเอช 370
เลียวเตียงไล รัฐมนตรีคมนาคมของมาเลเซีย ซึ่งอยู่ที่นครนิวยอร์กเพื่อร่วมการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชา ชาติว่าด้วยร่างข้อมติขอให้ตั้งคณะตุลาการสอบสวนคดีการยิงเครื่องบินโบอิ้ง อีกลำของมาเลเซียแอร์ไลนส์ตกที่ยูเครนเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว กล่าวว่า ชิ้นส่วนใดๆ ที่พบจำเป็นต้องพิสูจน์เพิ่มเติมก่อนจึงจะยืนยันได้ว่าเป็นของเอ็มเอช 370 หรือไม่
ความตื่นเต้นจากการค้นพบนี้ ยังถูกลดทอนลงจากคำเตือนด้วยว่า ชิ้นส่วนนี้อาจเป็นของเครื่องบินลำอื่นที่ตกในภูมิภาคนี้เมื่อนานมาแล้ว รวมถึงโบอิ้ง 747 ของเซาท์แอฟริกันแอร์เวย์ ที่ตกใกล้เกาะมอริเชียสเมื่อปี 2530 คร่าชีวิตทั้งหมด 159 คนบนเครื่อง
มาเลเซียแอร์ไลนส์ก็แถลงเช่นกันว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคาดเดาที่มาของชิ้นส่วนของปีกที่เรียกว่า flaperon นี้
ด้านออสเตรเลีย ซึ่งเป็นแกนนำปฏิบัติการค้นหาเอ็มเอช 370 ที่คว้าน้ำเหลวมาตลอด 16 เดือนที่ผ่านมา กล่าวว่า การค้นพบชิ้นส่วนนี้เป็นพัฒนาการสำคัญ
การค้นหาที่มหาสมุทรอินเดียตอนใต้อ้างอิงจากการวิเคราะห์สัญญาณจากเครื่อง บินที่ดาวเทียมตรวจจับได้ ที่ทำให้เชื่อว่าจุดสิ้นสุดการเดินทางอยู่ก้นมหาสมุทรบริเวณนั้น ชาริธา ปัตเทียรัตชี นักมหาสมุทรศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออสเตรเลีย กล่าวว่า จากข้อมูลที่รู้เกี่ยวกับมหาสมุทรและแบบจำลองคอมพิวเตอร์ จุดที่พบชิ้นส่วนนี้สอดคล้องกับเส้นทางที่เป็นไปได้ที่ซากชิ้นส่วนจาก พื้นที่ค้นหาในปัจจุบันจะลอยไปถึงที่นั่น
การสูญหายอย่างปริศนาของเที่ยวบินนี้ก่อให้เกิดทฤษฎีเกี่ยวกับสาเหตุมากมาย เบื้องต้นการสอบสวนเน้นที่ความเป็นไปได้ที่เครื่องบินประสบปัญหาทางเครื่อง กลหรือโครงสร้าง, การถูกสลัดอากาศจี้ หรือการก่อการร้าย ไปจนถึงพฤติกรรมของนักบิน ปริศนาที่เกิดเมื่อยังไม่พบซากเครื่องบินและไม่มีหลักฐานทางกายภาพที่ยืนยัน สาเหตุได้ ยังก่อให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดมากมาย รวมถึงเครื่องบินลำนี้อาจเปลี่ยนเส้นทางไปคาซัคสถาน หรือถูกจี้เพื่อใช้เป็น "ระเบิดบิน" โจมตีฐานทัพสหรัฐบนเกาะปะการังวงแหวนดิเอโกการ์เซีย และโดนสหรัฐยิงตก แต่สหรัฐปฏิเสธข้อกล่าวหานี้.
Cr : ไทยโพสต์
วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
ไม่ยอมหงอ!!ไทยสวนสหรัฐฯ หลังถูกคงอันดับค้ามนุษย์'เทียร์3'
|
|||
เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการ - สื่อต่างประเทศรายงานว่าไทยออกมาตำหนิพันธมิตรเก่าแก่อย่างสหรัฐฯในช่วงค่ำ วันจันทร์(27ก.ค.) หลังถูกเสียดแทงอย่างเจ็บแสบผ่านรายงานของวอชิงตันที่กล่าวหาว่าไทยล้มเหลว ในไม่ดำเนินการอย่างเพียงพอสำหรับปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำสุดในการกำจัด ปัญหาค้ามนุษย์ ระบุไม่สะท้อนถึงความพยายามอย่างยิ่งยวดของรัฐบาลและยืนยันจะเดินหน้าเอาชนะ ความท้าทายต่างๆที่เหลืออยู่ให้จงได้
ไทย ต้องพบว่าตนเองยังคงอยู่ใน "เทียร์ 3" ของรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons หรือTIP) ของสหรัฐฯ ปี 2015 ที่เผยแพร่ในวันจันทร์ (27 ก.ค.) เช่นเดียวกับอิหร่าน ลิเบีย เกาหลีเหนือ เอธิโอเปียและซีเรีย ในอันดับต่ำสุดที่จัดโดยกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา สำหรับประเทศต่างๆที่ถูกกล่าวหาว่าหลับตาให้แก่การค้าที่วอชิงตันให้คำจำกัด ความว่า "ทาสยุคใหม่"
นับเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่ ไทย ถูกจัดอยู่ในอันดับต่ำสุด ซึ่งในรายงานการประเมินของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯประณามว่าไทยยังคงเป็น แหล่งต้นตอ จุดหมายปลายทางและประเทศทางผ่านของเหล่าชาย หญิงและเด็กที่มีแนวโน้มถูกนำไปยังบังคับใช้แรงงานและค้าบริการทางเพศ
อย่างไรก็ตามทางสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่ากระทรวงการต่างประเทศของ ไทย ออกคำแถลงตอบโต้ในค่ำวันเดียวกันว่าการจัดอันดับไม่สะท้อนอย่างถูกต้องต่อ ความพยายามและความก้าวหน้าในการดำเนินการต่อต้านการค้ามนุษย์ของไทยที่เกิด ขึ้นจริงในช่วงปีที่ผ่านมาซึ่งมีก้าวหน้าอย่างมากในหลายด้าน "แม้ยังคงอันดับเดิม แต่ไทยยังคงมุ่งมั่นดำเนินการต่อต้านการค้ามนุษย์อย่างจริงจังต่อไป เพื่อความมั่นคงและมนุษยธรรม พร้อมกับเพิ่มพูนความร่วมมือกับภาคเอกชนและภาคประชาสังคม ตลอดจนขยายความร่วมมือกับประเทศและองค์การระหว่างประเทศต่อไป"
เอเอฟพีรายงานว่าชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ถูกกล่าวหามาช้า นานว่าเหล่าเจ้าหน้าที่ผู้ละเลยสมคบคิดธุรกิจค้ามนุษย์มูลค่าหลายล้าน ดอลลาร์ ซึ่งไม่กี่เดือนที่ผ่านมายังคงเฟื่องฟูอยู่ทั่วจังหวัดต่างๆทางใต้ของประเทศ และทะลักเข้าสู่มาเลเซีย
ปฏิบัติการปราบปรามของไทยในเดือนพฤษภาคม นำมาซึ่งการเปิดโปงเครือข่ายลักลอบค้ามนุษย์อันมโหฬาร ด้วยผู้อพยพหลายพันคนถูกทิ้งไว้กลางทะเลและค่ายกลางป่า วิกฤตที่ท้ายที่สุดบีบให้มีการตอบสนองในวงกว้างทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คนส่วนใหญ่ในกลุ่มผู้อพยพที่พยายามมุ่งหน้าสู่มาเลเซียคือชาวมุสลิม โรฮีนจา ที่หลบหนีการตามประหัตประหารจากพม่า แต่ มาเลเซีย ต่างจากเพื่อนบ้านอย่างไทย ด้วยถูกปรับอันดับขึ้นสู่ขึ้นเทียร์ 2 ส่วน พม่า ลาวและกัมพูชา ยังอยู่ในอันดับเดิม
เมื่อวันศุกร์(24ก.ค.) อัยการในกรุงเทพฯบอกว่าผู้ต้องหา 72 คน ในนั้นรวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารระดับอาวุโสถูกบ่งชี้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการ ค้ามนุษย์ อย่างไรก็ตามการปราบปรามในเดือนพฤษภาคม เกิดขึ้นช้าเกินไปที่จะถูกนับรวมเข้ารายงานประจำปี 2015 ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆก็ตั้งคำถามว่าการจับกุมดังกล่าวจะสามารถทลาย การค้าที่หยั่งรากมาช้านานได้จริงหรือ
อุตสาหกรรมการประมงของไทยแปดเปื้อนมาอย่างช้านานจากข้อกล่าวหาต่างๆ เกี่ยวกับการใช้แรงงานทาส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเหล่าคนงานต่างด้าวที่ขัดสนจากกัมพูชาและพม่า ที่ต้องล่องลอยอยู่กลางทะเลโดยไม่เห็นฝั่งนานเป็นปี
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปี อียู ก็เพิ่งขู่ไทยว่าจะห้ามนำเข้าสินค้าประมงจากไทยจนกว่าจะควบคุมภาคการประมง ให้ดียิ่งขึ้น กระตุ้นให้กรุงเทพฯต้องดำเนินการปราบปรามเรือประมงที่ผิดกฎหมายและไม่เป็นไป ตามกฎระเบียบ
Cr : Manager
โบว์ บุรีรัมย์ เคลียร์ทั้งใจ!! ข่าวลือสัมพันธ์ฉาว ปีเตอร์
โบว์ บุรีรัมย์ เคลียร์ทั้งใจ!! ข่าวลือสัมพันธ์ฉาว ปีเตอร์
"โบว์ บุรีรัมย์" ขอเปิดใจทุกข้อสงสัยต่อหน้ากองทัพสื่อเป็นครั้งแรก หลังตกเป็นประเด็นฉาวมือที่ 3 เขย่าขาเตียงครอบครัวร็อคสตาร์ "ปีเตอร์ คอร์ป" และ "พลอย พลอยพรรณ" ยันที่ผ่านมาไม่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนักร้องหนุ่มอย่างที่หลายคนคิด แต่สาเหตุที่ต้องออกมาพูดวันนี้ก็เป็นเพราะฝ่ายชายไม่ยอมชี้แจงให้ชัดเจน จนทำให้ตนเองต้องตกเป็นจำเลยและถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ถึงทุกวันนี้..."ตอนแรกก็ตั้งใจให้เรื่องมันเงียบ แต่อีกฝ่ายหนึ่งเขาไม่ยอมพูดอะไร เราก็เลยต้องออกมาชี้แจงเพื่อปกป้องตัวเองนิดนึง เพราะหลังเป็นข่าวยังไม่ได้ไม่ได้คุยกับพี่ปีเตอร์เลย โทรไปพี่เขาก็ไม่รับสายค่ะ"
"ความสัมพันธ์ของโบกับพี่ปีเตอร์ มันเริ่มต้นจากที่พี่ปีเตอร์มาพักในโรงแรมที่โบว์ทำอยู่ ซึ่งวันที่ถ่ายก็มีคนถ่ายด้วยเยอะ แต่หลังจากนั้นที่เห็นก็คือช่วงที่อาสาพาพี่เขาทัวร์บุรีรัมย์ เพราะพี่เขามาคนเดียวและก็ไม่รู้ทาง"
"ส่วนภาพในผับที่ดูใกล้ชิดก็เพราะในผับเสียงดัง มันเลยต้องคุยกันแบบใกล้ๆ กระซิบนิดนึง แต่ยืนยันค่ะว่าไม่มีอะไร"
"กับกระแสข่าวที่บอกว่าคนทั้งบุรีรัมย์เห็นทั้งเมืองว่าเราไปไหนมาไหนกัน นั้น คือโบว์ต้องบอกก่อนว่าตอนนั้นโบว์เป็นคนพื้นที่และช่วยนำเที่ยวให้พี่เขา แถมจังหวัดบุรีรัมย์เองก็เป็นเมืองเล็กๆ ดังนั้นการที่เราไปไหนมาไหนคนก็ต้องเห็นกันอยู่แล้ว เพราะตัวพี่ปีเตอร์เองก็เป็นคนดังด้วย"
เราไม่เกร็งเหรอที่ตอนนั้นเวลาไปไหนมาไหนกับพี่เขา คนอื่นก็จับตามอง ?
"โบว์เฉยๆ ค่ะ เพราะโบว์บริสุทธิ์ใจอยู่แล้ว"
ตอนที่เราไปไหนมาไหนกับเขาสองคน เคยถามไถ่เขาถึงเรื่องครอบครัวบ้างไหม ?
"ไม่ค่ะ โบว์ไม่ได้ถามเรื่องครอบครัวเลย และพี่ปีเตอร์เขาก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องครอบครัวเลยด้วยเหมือนกัน"
ตอนที่ไปไหนมาไหนด้วยกันช่วงนั้นพี่เขาเคยมีท่าทีจะเข้ามาจีบเราหรือเปล่า ?
"พี่ ปีเตอร์เขาไม่เคยมีท่าทีเข้ามาจีบหรือทำอะไรในเชิงชู้สาวเลยค่ะ เพราะพี่เขาก็จะเป็นสไตล์ฝรั่งปกติไม่คิดมากอะไรอยู่แล้ว อีกอย่างตอนนั้นโบว์ก็มีคนที่โบว์คุยอยู่แล้วด้วย"
ข่าวนี้ส่งผลกระทบอะไรกับชีวิตเราบ้าง ?
"ข่าวนี้ส่งผลกระทบกับโบว์มากเหมือนกัน ไปไหนมาไหนคนก็ยังมองยังพูดถึงอยู่ คุณพ่อคุณแม่โบว์ท่านเองก็เครียด หรือแม้กระทั่งในโลกโซเชียลก็ยังมีคนเข้ามาด่าอยู่เรื่อยๆ"
ภาพที่ออกมาทั้งหมดเราเป็นคนตั้งใจปล่อยเองหรือเปล่า ?
"เอ่อ...ถ้า เป็นรูปที่โบว์ถ่ายเอง อันนั้นมันโพสต์อยู่ในเฟซบุ๊กโบว์ทั้งหมด ส่วนแคปชั่นที่เขียนคือโบว์ตั้งใจโพสต์เอาฮาแล้วก็ลบ แต่สุดท้ายก็มีคนแคปเก็บเอาไว้ เนื่องจากภาพพวกนั้นโบว์โพสต์ตั้ง 2เดือนกว่าแล้ว ก่อนที่จะเป็นข่าวซะอีก"
เรายืนยันว่าไม่มีอะไร แต่สงสัยไหมทำไมคนถึงมองว่าเรากับพี่ปีเตอร์มีความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว ?
"เรื่องแบบนี้คนมันจะพูดยังไงก็ได้ แต่สำหรับโบว์ โบว์ยืนยันว่าเราไม่ได้มีอะไรจริงๆ ค่ะ"
แต่พี่เขาอยู่กับเราตลอดจนไม่ยอมกลับบ้านอย่างที่มีข่าวจริงไหม ?
"ไม่จริงค่ะ พี่ปีเตอร์มาให้โบว์เป็นไกด์พาทัวร์ไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ"
เรารู้ไหมว่าพี่เขาอยู่กับเรานานเกินจนทำให้ภรรยาเขาน้อยใจ ?
"พี่ปีเตอร์ไม่ได้อยู่กับโบว์นะคะ และอย่างที่บอกคือมันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ จริงๆ ที่สำคัญโบว์ไม่ได้กักขังผูกมัดอะไรพี่เขาด้วย"
เห็นว่าเราเองก็เจอข่าวหนักถึงขั้นบล็อคเฟซตัดเพื่อนกันเลย ?
"เอ่อ...สา เหตุที่บล็อคเฟซเพื่อนก็เพราะโบว์ไม่อยากจิตตก เนื่องจากมันมีการพูดลับหลังเยอะมาก ซึ่งเพื่อนที่โบว์บล็อคไปเราก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากด้วย"
อยากให้ยืนยันอีกครั้งว่าเราไม่ได้เป็นมือที่สามแน่นอน ?
"ยืน ยันค่ะว่าโบว์ไม่ใช่มือที่สามแน่นอน และสุดท้ายโบว์ก็อยากขอโทษพี่พลอยที่ทำให้พี่เข้าใจผิด รวมถึงการตั้งสเตตัสต่างๆ ด้วยความไม่คิดหน้าคิดหลังในเฟซบุ๊กของโบว์ค่ะ"
หลังจากนี้ถ้าพี่ปีเตอร์ไม่ออกมาชี้แจงอะไร เราก็ยอมตกเป็นจำเลยสังคมอยู่แบบนี้ ?
"เอ่อ...โบว์ถือว่าวันนี้โบว์ก็ได้ชี้แจงความจริงในมุมของโบว์ทุกข้อสงสัยแล้วค่ะ"
คิดไหมว่าจะติดต่อไปทางพี่พลอยเพื่อขอโทษ ?
"เอา จริงๆ เรื่องของโบว์มันไม่ได้มีอะไรตั้งแต่แรกเลยนะคะ แต่ที่มันเป็นประเด็นก็เพราะมีคนแคปรูปเก่าๆ ที่พลอยเคยโพสต์ไว้มาลงในช่วงที่พี่ปีเตอร์ตกเป็นข่าวกับอีกคนเท่านั้นเอง"
เรื่องรูปถ่ายของเรากับพี่ปั๋ง อันนี้มีอะไรจะชี้แจงบ้าง ?
"อ๋อ...พี่ปั๋งเขาเป็นแขกที่มาพักที่โรงแรมค่ะ พอเช็คเอ้าท์โบว์ก็เลยขอถ่ายรูป แต่ด้วยแคปชั่นที่โบว์เขียนมั้งคะเลยทำให้คนหมั่นไส้"
รู้สึกยังไงบ้างตอนนี้มีข่าวทั้งกับพี่ปั๋งพี่ปีเตอร์เลย ?
"รู้สึก อะไรนักหนา เพราะตอนนี้คือทำอะไรไม่ได้แล้ว ทำอะไรก็โดนด่า ถามว่าอยากให้จบไหมก็อยากให้จบนะ แต่มันคงยาก ดังนั้นก็เอาที่ทุกคนสบายใจเลยค่ะ"
หลังจากนี้จะเข็ดไหมกับการถ่ายรูปกับดารา ?
"ก็ยังอยากถ่ายนะคะ ยังอยากถ่ายอยู่ปกติถ้ากับดารา"
เจาะจงไหมว่าต้องเป็นดาราผู้ชายอย่างเดียว ?
"ไม่ค่ะ ผู้หญิงโบว์ก็ถ่าย ถ่ายได้หมด"
ตอนนี้ยังทำงายอยู่ที่เดิมไหม ?
"ตอนนี้โบว์พักงานก่อนค่ะ ทางโรงแรมให้ลาก่อน เขาอยากให้โบว์เคลียร์ตัวเองแล้วก็ให้เรื่องมันซาก่อนค่ะ"
Cr : sanook
วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
สื่อเกาหลีเผย 2 ซุปตาร์ ชินมินอา-คิมอูบิน ออกเดทกันแล้ว!
สาวๆ หนุ่มๆ อกหักดังโครมมม (เป๊าะมันเบาไป)อีกแล้ว เมื่อสื่อปาปารัซซี่เกาหลีตัวแม่อย่าง ดิสแพท (Dispatch) เผยภาพการออกเดทลับๆของสองนักแสดงซุปตาร์เบอร์ต้นๆของเกาหลีอีกคู่แล้ว!
สื่อเกาหลีรายงานว่า นักแสดงหนุ่ม คิมอูบิน (Kim Woo Bin) (26) และนักแสดงสาว ชินมินอา (Shin Min Ah) (31) เริ่มใกล้ชิดและสนใจกันหลังจากถ่ายโฆษณาชิ้นหนึ่ง และได้เริ่มคบกันประมาณสองเดือนแล้ว
ตามรายงานคิมอูบินได้แสดงความเป็นสุภาษบุรุษปรับตารางงานของตนเองให้ชิน มินอาได้ทำงานเสร็จเร็วขึ้น และไปเดทกันอย่างลับๆได้อย่างเป็นธรรมชาติเนื่องจากความโด่งดังของพวกเขา โดยทั้งสองได้เริ่มสนใจกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ช่วงถ่ายโฆษณาคู่กันและได้ เริ่มคบกันช่วงเดือนพฤษภาคม
คิมอูบิน โด่งดังจากบท ชเว ยองโด ในเรื่อง "The heirs" และ "ชินมินอา" เคยมีผลงานที่โด่งดังในเรื่อง "My girlfriend is a gumiho แฟนผม เป็นจิ้งจอกครับ"
ยินดีด้วยจ้า คู่รักคู่ใหม่ !
วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
7 ครอบครัวสุขสันต์... แต่มีอันต้องแยกทาง
ภาพครอบครัวดาราคนดังที่ออกสื่อมาหลายๆครอบครัว เราอาจจะมองว่า มันน่ารัก
อบอุ่น ดูเป็นครอบครัวสุขสันต์ บางครอบครัวไม่มีอะไรหวือหวา
ไม่มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง แต่จู่ๆ เหมือนฟ้าผ่าลงมาเปรี้ยง!
ครอบครัวที่ดูสุขสันต์เหล่านั้น กลับมีอันต้องแยกทางเพราะสามี-ภรรยา
ไม่สามารถประคองชีวิตคู่ต่อไปได้อีก
เรื่องแบบนี้ แน่นอนว่าไม่มีครอบครัวไหนอยากให้เป็น แต่เมื่อความรักมันมาถึงทางตันจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม การปล่อยคงเป็นทางออกที่ดีกว่ายื้อเอาไว้ ซึ่งขอหยิบยก 7 ครอบครัว ที่ทำให้เราช็อกกับข่าวการแยกทาง แต่ในท้ายที่สุดทุกคู่ก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไปในฐานะพ่อแม่ เยื่อใยที่ไม่มีวันตัดกันขาด...
ปิ๊บ รวิชญ์ - ดร.แพรว ดาริกา
คู่แรกที่ทำให้หลายคนอึ้ง เนื่องจากใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมานานนับ 10 ปี สำหรับ "รวิชญ์ เทิดวงศ์" และภรรยา "ดร.แพรว ดาริกา" โดยทั้งคู่มีพยานรักด้วยกัน 2 คน ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาระหองระแหงหลุดลอดออกมาให้ได้ยิน แต่สุดท้ายทัศนคติที่ไม่ตรงกัน และต่างทำงานจนไม่มีเวลาให้กัน สุดท้ายชีวิตคู่ก็ไปไม่รอด ประกาศหย่ากันในปี 2546 แต่ยังคงความเป็นเพื่อนเอาไว้ ไม่ได้โกรธเกลียดกันแต่อย่างใด
บ๊วย เชษฐวุฒิ - ตุ๊ก ชนกวนันท์
คู่รักเจ้าของฉายา "โฉมงามกับเจ้าชายอสูร" บ๊วย เชษฐวุฒิ และ ตุ๊ก ชนกวนันท์ ภาพที่เราเห็นผ่านสื่อต่างๆคือความรักที่ทั้งคู่มีให้กันมาตลอดตั้งแต่คบหา แต่งงาน จนมีลูก 2 คน แต่จู่ๆกลับมีประเด็นที่เป็นจุดเริ่มของรอยร้าว เมื่อฝ่ายชายมีข่าวพัวพันไฮโซสาว และแม้จะพยายามประคับประคองกันแค่ไหน สุดท้ายทั้งคู่ก็จบลงด้วยกันแยกทาง หลังแต่งงานกันได้ 7 ปี
แอมมี่ ไอด้า
คู่รักวัยรุ่นสุดอินดี้ที่จู่ๆก็แต่งงานกัน พร้อมประกาศว่าท้อง 5 เดือน "แอมมี่ The Bottom blues - ไอด้า ไอรดา" ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้หลายคนตำหนิ แต่กลับร่วมยินดีไปกับความรักและชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น จนกระทั่งลูกสาว "ลัลลาเบล" ลืมตาดูโลก ครอบครัวนี้ก็กลายเป็นขวัญใจทุกคน แต่เพียง 2 ปีให้หลังก็มีข่าวมือที่สามเข้ามาทำให้รักของทั้งคู่ล่มลงแบบไม่สวยนัก เหลือเพียงสถานะความเป็นพ่อแม่เท่านั้น
โบ ชญาดา - ฟลุค เกริกพล
ถูกจับตามองตั้งแต่คบกัน จนกระทั่งแต่งงานสายฟ้าแล่บ สำหรับคู่ ฟลุค เกริกพล และ โบ ชญาดา ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมากว่า 2 ปี และมี "น้องอชิ" ลูกชายที่น่ารักเป็นขวัญใจของทุกคน แต่สุดท้ายก็มีอันต้องแยกทางโดยให้เหตุผลว่ามีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่ต่างกัน ในวันนี้แม้ทั้งคู่จะเลิกกันแล้ว แต่ความเป็นพ่อแม่ยังอยู่ ทั้งโบ และ ฟลุค ต่างกำลังจะมีครอบครัวใหม่ แต่ทั้งคู่ยังไปมาหาสู่แบบเพื่อนที่ดีต่อกัน
แมว จิระศักดิ์ - นิโคล เทริโอ
จากความเป็นเพื่อนของ "แมว จิระศักดิ์" และ "นิโคล เทริโอ" เริ่มก่อตัวขึ้นเป็นความรักและแต่งงานในที่สุด แต่ด้วยการดำเนินชีวิตและทัศนคติที่ต่างกัน ทั้งคู่ก็ได้จูงมือกันมาประกาศเรื่องหย่าซึ่งในตอนนั้น "น้องทิกเกอร์" อายุได้ 3 ขวบ ปัจจุบัน แมวมีครอบครัวใหม่แล้ว และความสัมพันธ์กับนิโคลก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ทำให้เราได้เห็นภาพนิโคลพาน้องทิกเกอร์ไปเยี่ยมภรรยาของแมวหลังคลอดลูก ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ของทั้งสองคน
ท็อป ดารณีนุช - อู๋ กฤต
ทำเอาช็อกไปตามๆกัน เมื่อนักแสดงรุ่นใหญ่ "ท็อป ดารณีนุช" ออกมาประกาศแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่า หย่าร้างกับสามี "อู๋ กฤต" หลังใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมากว่า 22 ปี จนมีลูกชายด้วยกัน 2 คน โดยให้เหตุผลว่า "รักหมดอายุ" ไม่อยากสะสมความรู้สึกไม่ดีต่อกัน พร้อมบอกว่า ที่ผ่านมาคนอาจจะมองว่าครอบครัวของเราอบอุ่น แต่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้หากเราไม่เติมเต็มชีวิตคู่เพียงพอ
Cr : Sanook
เรื่องแบบนี้ แน่นอนว่าไม่มีครอบครัวไหนอยากให้เป็น แต่เมื่อความรักมันมาถึงทางตันจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม การปล่อยคงเป็นทางออกที่ดีกว่ายื้อเอาไว้ ซึ่งขอหยิบยก 7 ครอบครัว ที่ทำให้เราช็อกกับข่าวการแยกทาง แต่ในท้ายที่สุดทุกคู่ก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไปในฐานะพ่อแม่ เยื่อใยที่ไม่มีวันตัดกันขาด...
ปิ๊บ รวิชญ์ - ดร.แพรว ดาริกา
คู่แรกที่ทำให้หลายคนอึ้ง เนื่องจากใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมานานนับ 10 ปี สำหรับ "รวิชญ์ เทิดวงศ์" และภรรยา "ดร.แพรว ดาริกา" โดยทั้งคู่มีพยานรักด้วยกัน 2 คน ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาระหองระแหงหลุดลอดออกมาให้ได้ยิน แต่สุดท้ายทัศนคติที่ไม่ตรงกัน และต่างทำงานจนไม่มีเวลาให้กัน สุดท้ายชีวิตคู่ก็ไปไม่รอด ประกาศหย่ากันในปี 2546 แต่ยังคงความเป็นเพื่อนเอาไว้ ไม่ได้โกรธเกลียดกันแต่อย่างใด
บ๊วย เชษฐวุฒิ - ตุ๊ก ชนกวนันท์
คู่รักเจ้าของฉายา "โฉมงามกับเจ้าชายอสูร" บ๊วย เชษฐวุฒิ และ ตุ๊ก ชนกวนันท์ ภาพที่เราเห็นผ่านสื่อต่างๆคือความรักที่ทั้งคู่มีให้กันมาตลอดตั้งแต่คบหา แต่งงาน จนมีลูก 2 คน แต่จู่ๆกลับมีประเด็นที่เป็นจุดเริ่มของรอยร้าว เมื่อฝ่ายชายมีข่าวพัวพันไฮโซสาว และแม้จะพยายามประคับประคองกันแค่ไหน สุดท้ายทั้งคู่ก็จบลงด้วยกันแยกทาง หลังแต่งงานกันได้ 7 ปี
แอมมี่ ไอด้า
คู่รักวัยรุ่นสุดอินดี้ที่จู่ๆก็แต่งงานกัน พร้อมประกาศว่าท้อง 5 เดือน "แอมมี่ The Bottom blues - ไอด้า ไอรดา" ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้หลายคนตำหนิ แต่กลับร่วมยินดีไปกับความรักและชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น จนกระทั่งลูกสาว "ลัลลาเบล" ลืมตาดูโลก ครอบครัวนี้ก็กลายเป็นขวัญใจทุกคน แต่เพียง 2 ปีให้หลังก็มีข่าวมือที่สามเข้ามาทำให้รักของทั้งคู่ล่มลงแบบไม่สวยนัก เหลือเพียงสถานะความเป็นพ่อแม่เท่านั้น
โบ ชญาดา - ฟลุค เกริกพล
ถูกจับตามองตั้งแต่คบกัน จนกระทั่งแต่งงานสายฟ้าแล่บ สำหรับคู่ ฟลุค เกริกพล และ โบ ชญาดา ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมากว่า 2 ปี และมี "น้องอชิ" ลูกชายที่น่ารักเป็นขวัญใจของทุกคน แต่สุดท้ายก็มีอันต้องแยกทางโดยให้เหตุผลว่ามีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่ต่างกัน ในวันนี้แม้ทั้งคู่จะเลิกกันแล้ว แต่ความเป็นพ่อแม่ยังอยู่ ทั้งโบ และ ฟลุค ต่างกำลังจะมีครอบครัวใหม่ แต่ทั้งคู่ยังไปมาหาสู่แบบเพื่อนที่ดีต่อกัน
แมว จิระศักดิ์ - นิโคล เทริโอ
จากความเป็นเพื่อนของ "แมว จิระศักดิ์" และ "นิโคล เทริโอ" เริ่มก่อตัวขึ้นเป็นความรักและแต่งงานในที่สุด แต่ด้วยการดำเนินชีวิตและทัศนคติที่ต่างกัน ทั้งคู่ก็ได้จูงมือกันมาประกาศเรื่องหย่าซึ่งในตอนนั้น "น้องทิกเกอร์" อายุได้ 3 ขวบ ปัจจุบัน แมวมีครอบครัวใหม่แล้ว และความสัมพันธ์กับนิโคลก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ทำให้เราได้เห็นภาพนิโคลพาน้องทิกเกอร์ไปเยี่ยมภรรยาของแมวหลังคลอดลูก ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ของทั้งสองคน
ท็อป ดารณีนุช - อู๋ กฤต
ทำเอาช็อกไปตามๆกัน เมื่อนักแสดงรุ่นใหญ่ "ท็อป ดารณีนุช" ออกมาประกาศแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่า หย่าร้างกับสามี "อู๋ กฤต" หลังใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมากว่า 22 ปี จนมีลูกชายด้วยกัน 2 คน โดยให้เหตุผลว่า "รักหมดอายุ" ไม่อยากสะสมความรู้สึกไม่ดีต่อกัน พร้อมบอกว่า ที่ผ่านมาคนอาจจะมองว่าครอบครัวของเราอบอุ่น แต่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้หากเราไม่เติมเต็มชีวิตคู่เพียงพอ
Cr : Sanook
วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
อายุไขเครื่องสำอาง เรื่องเล็กที่ไม่ควรมองข้าม
สาวๆที่ใช้เครื่องสำอางเป็นประจำทุกวันรู้หรือเปล่า
ว่าเครื่องสำอางของเราก็มีวันหมดอายุเหมือนกัน
ความจริงแล้วเครื่องสำอางมีอายุสั้นกว่านั้นเมื่อเราเปิดใช้แล้ว
มาดูกันค่ะว่าเครื่องสำอางชนิดไหนมีอายุการใช้งานเท่าไรกันบ้าง
ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับรูปกระป๋องเปิดนี่ก่อนดีกว่า นั่นคือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้มีอายุกี่เดือน จะมีตัวเลขเขียนกำกับไว้ตามด้วยตัวอักษรย่อ M ที่หมายถึงเดือนค่ะ
เครื่องสำอางส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกันไป ดังนี้ค่ะ
3 เดือนหลังเปิดใช้งาน ได้แก่ มาสคาร่าเมื่อ ใช้งานไปสักพักจะสังเกตได้ว่าเนื้อมาสคาร่าเริ่มแห้งเพราะสัมผัสกับอากาศ บ่อยครั้ง และแปรงปัดก็เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค เพื่อความสะอาดก็ควรเปลี่ยนค่ะ
6 เดือนหลังเปิดใช้งาน ได้แก่ ครีมบำรุงรอบดวงตาเป็น
ครีมที่บำรุงส่วนที่อ่อนโยนที่สุดของใบหน้า ดังนั้นควรใช้ให้หมดก่อน 6
เดือน แต่ถ้าหากใช้ไม้พาย ก็จะช่วยยืดอายุของเครื่องสำอางได้ค่ะ
1 ปีหลังเปิดใช้งาน ได้แก่ รองพื้น ครีมบำรุงผิว ครีมทาผิว ลิปกลอส ยาทาเล็บ
ระหว่างที่ใช้ควรสังเกตการเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์ หากเกิดการแยกชั้น ให้เปลี่ยนทันทีค่ะ
2 ปีหลังเปิดใช้งาน ได้แก่ ลิปสติก อายแชโดว์ บลัชออน แป้งฝุ่น อายไลเนอร์ ลิปไลเนอร์แม้เครื่องสำอางพวกนี้จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่เราก็ไม่ควรละเลย ใช้ไปประมาณปีกว่าๆก็ควรเปลี่ยนแล้วค่ะ
และสุดท้าย สิ่งที่สำคัญไม้แพ้กันคือการทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้า
ไม่ว่าจะเป็น แปรงหรือฟองน้ำ ควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของเชื้อโรค เดี๋ยวจะเป็นสิวเอาได้นะคะ
Cr : Sanook
ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับรูปกระป๋องเปิดนี่ก่อนดีกว่า นั่นคือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้มีอายุกี่เดือน จะมีตัวเลขเขียนกำกับไว้ตามด้วยตัวอักษรย่อ M ที่หมายถึงเดือนค่ะ
3 เดือนหลังเปิดใช้งาน ได้แก่ มาสคาร่าเมื่อ ใช้งานไปสักพักจะสังเกตได้ว่าเนื้อมาสคาร่าเริ่มแห้งเพราะสัมผัสกับอากาศ บ่อยครั้ง และแปรงปัดก็เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค เพื่อความสะอาดก็ควรเปลี่ยนค่ะ
ระหว่างที่ใช้ควรสังเกตการเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์ หากเกิดการแยกชั้น ให้เปลี่ยนทันทีค่ะ
Cr : Sanook
วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
ท่าจะหนัก "จียอน" แท็กทีม "อุ้ม" ซัด “อาร์” โกหก! ไม่ละอายใจเชิญสร้างภาพต่อ
ADVERTISING
แม้ “อาร์ อาณัตพล ศิริชุมแสง” จะออกมายอมรับสารภาพผิดว่าสาเหตุที่ “ซอ จียอน” ลบ รูปคู่ทิ้งทั้งหมด เป็นความผิดของตน เพราะติดเพื่อน ติดเที่ยวมากเกินไปจนทำให้อีกฝ่ายทนไม่ไหวจนสัมพันธ์ร้าว ตอนนี้ห่างกันแต่ยังหวังกลับมาคืนดี พร้อมแก้ไขและปรับตัวทุกอย่าง
แต่ล่าสุดอาการสำนึกผิดของอาร์ไม่ได้ส่งผลต่อสภาพจิตใจของฝ่ายหญิง เพราะออกมาโพสต์ข้อความที่ทำเอาต่อมเผือกชาวเน็ตต้องทำงานกันอีก ทั้ง U R Liar คุณคือคนที่โกหก รวมถึงโพสต์ก่อนหน้านี้ว่า “Something I learned about people if they do it once, they'll do it again” บางสิ่งที่ฉันเรียนรู้เกี่ยวกับคนได้ว่า ถ้ามีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป พร้อมแคปชั่นสุดแซ่บเขียน “สันดาน ไม่หาย”
ซ้ำคราวนี้ยังมีนักแสดงที่สนิททั้งคู่เป็นอย่างดีอย่าง "อุ้ม ลักขณา" ออกมาเสริมด้วยคอมเมนต์ว่า “กรรม ใดใครก่อกรรมนั้นย่อมตามสนอง โกหกใครก้โกหกได้ แต่โกหกความเป็นจริงไม่ได้ ไม่ละอายใจก็สร้างภาพต่อไป ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย เดี๋ยวก็รู้เอง!!! B strong n move on sis..i love you" และ U got me งานนี้ทำชาวเน็ตข้องใจว่าสาเหตุที่ทั้งคู่เลิกรากันนั้นเป็นเพราะอะไรกันแน่
วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
ถึงเวลา ประกาศ มาตรการประหยัดน้ำหรือยัง?
หลายคนสงสัยปนไม่อยากจะเชื่อว่า ปัญหาภัยแล้งปี นี้จะรุนแรงขนาด ทำให้จังหวัดปริมณฑลอย่าง จ.ปทุมธานี ในบางพื้นที่ อ.ธัญบุรี จะขาดแคลนน้ำถึงขั้นไม่มีน้ำดิบมาทำน้ำประปาจ่ายให้กับครัวเรือนได้ ก่อนที่ทางการจะเร่งแก้ปัญหาจนสามารถผลิตน้ำมาส่งให้กับครัวเรือนได้อีก ครั้ง
ใครจะคิดว่า พื้นที่ปทุมธานี ในย่านรังสิตถึงธัญบุรี ที่มีคูคลองส่งน้ำจำนวนมากมาย เป็นพื้นที่เกษตรสำคัญ ที่ในหลวงรัชกาลที่ 5 ได้วางระบบชลประทานไว้ให้ มีการขุดคลองจำนวนมากจะขาดแคลนน้ำได้ การขาดแคลนน้ำของธัญบุรี จึงไม่ใช่เรื่องปรกติธรรมดา อย่างแน่นอน
ปัญหาภัยแล้งที่คุกคามหนักในปีนี้ มีหลายคนบอกว่าหนักหน่วงที่สุดในรอบ 100 ปี อ่างเก็บน้ำจากเขื่อนต่างๆ มีน้ำเหลืออยู่น้อยมาก หากไม่มีน้ำไหลเข้ามาเพิ่มจะยิ่งวิกฤตหนักกว่าเดิม แม้ในช่วงนี้ทางการได้เร่งทำฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณฝนแต่ก็ดูเหมือนได้ผลไม่ มากนัก และในเขตอีสานจะมีฝนตกลงมามากในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่เรายังไม่อาจมั่นใจได้เลยว่า ปริมาณฝนยังจะมีเข้ามามากเพียงพอ และไม่เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงขึ้นอีกหรือไม่
มีข้อมูลจากนักวิชาการคนสำคัญอย่าง นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ว่า "สถานการณ์ ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มาจากอิทธิพลเอลนินโญ และผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ทำให้ภัยแล้งจากคลื่นความร้อนรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งอินเดีย ปากีสถาน ผู้คนตายไปหลายร้อยคน รวมทั้งสหรัฐอเมริกา ซึ่งตามการพยากรณ์อากาศของทั่วโลกประเมินว่าถ้าโลกเผชิญภาวะโลกร้อนไปอีก 8 ปี
จะทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มขึ้น 400-500 เท่า จะเกิดน้ำท่วมโลก จากน้ำแข็งขั้วโลกเหนือและใต้ละลาย ทำให้น้ำทะเลสูงขึ้นจนท่วมเมืองที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล เช่น กรุงเทพฯ น้ำจะท่วมสูง 4-5 เมตร เวียดนาม เซียงไฮ้ ท่วมหนักสุดจะมีคนตายเป็นพัน ๆ คน"
สำหรับประเทศไทยปีนี้ภัยแล้งอยู่นานไปถึงปลายปี ตอนนี้ธรรมชาติส่อเค้าให้เห็นแล้วจากการมีพายุคลื่นลมแรงในทะเลจีนใต้ พัดร่องฝนขึ้นไปประเทศจีนหมด ไม่กลับลงมาภาคเหนือและภาคกลางของไทย ฝนเทียมก็ทำได้น้อย เพราะสภาพอากาศแห้งแล้งมาก
นายสมิทธ ยังย้ำอีกว่า "ประเทศไทยมีฝนจะตกได้จากอิทธิพลร่องฝน และพายุ หากเดือนนี้ และเดือนหน้า ไม่มีสองปัจจัยนี้ ประเทศไทยจบแน่ เกิดวิกฤติเลวร้ายที่สุด ไม่มีน้ำกิน .............ช่วงอันตรายสุดในเดือน ส.ค.-ก.ย. ไม่มีพายุจรเข้าเลยสักลูก ทุกอย่างวิกฤติของจริง ไม่อยากนึกภาพจะขาดน้ำไปถึงปีหน้า เพราะถ้าเข้าเดือน ต.ค.-พ.ย. ร่องฝนลงใต้ไปแล้ว ไม่ตกภาคเหนือภาคกลาง"
ข้อมูลเหล่านี้น่าสนใจและต้องตระหนัก และเตรียมรับมือกับอย่างจริงจังมากขึ้น โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ต้องดูแล บริหารจัดการน้ำใช้น้ำอย่างรู้คุณค่ามากที่สุด ไม่ฟุ่มเฟือย ถึงเวลาที่ต้องประกาศความจริงให้ทุกคนรู้ว่าสถานการณ์น้ำแล้งรุนแรงมากน้อย เพียงใด เพื่อให้คนไทยช่วยกันประหยัดน้ำและเตรียมรับมือได้ในทุกสถานการณ์
ทุกวันนี้ทางการยังมองปรากฏการณ์ภัยแล้ง เป็นปัจจัยตามฤดูกาล และรอความหวังจากฟ้า รอให้ฝนเข้ามาตามฤดูกาล แต่ หากข้อสมมุติฐานของนายสมิทธ เป็นจริง จะรับมืออย่างไร...?
ถึงเวลาหรือยังที่จะประกาศให้ การประหยัดน้ำ เป็นวาระสำคัญที่ต้องเร่งปฏิบัติมากกว่า หวั่นเกรงคนกรุงจะตกใจกลัวหรือยัง....?
Cr : Sanook
วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
เพื่อนสนิทแจง ปีเตอร์ - พลอย ยังรักกันดี หลังมีกรณีพลอยขอร้องสามี กลับบ้านเถอะ
พลอย ปีเตอร์ ไม่ได้เลิกกัน เพื่อนสนิทยืนยัน แค่น้อยใจกันเท่านั้น ส่วนแอนนี่ สาวปริศนา เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2558 หลังจากที่ พลอย พลอยพรรณ ภรรยาของ ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล ได้ออกมาโพสต์ข้อความที่มีความหมายชวนคิดว่า สามีติดงานและเพื่อนร่วมงานมากจนลืมกลับบ้าน จนทำให้เกิดความสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวที่น่ารักครอบครัวนี้ ซึ่ง ล่าสุด เพื่อนสนิทของปีเตอร์ ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า ทั้งพลอยและปีเตอร์ยังคงรักกันดี แต่อาจจะมีน้อยใจกันบ้างเท่านั้น
ทั้งนี้ เพื่อนสนิทของปีเตอร์ เผยว่า เหตุผล ที่พลอยโพสต์แบบนี้ อาจจะเพราะพลอยกำลังน้อยใจ เพราะปีเตอร์กำลังจะทำรายการ Ride with me ซึ่งเป็นรายการที่ปีเตอร์และเพื่อน ๆ จะขับรถไปทั่วเมืองไทย และปีเตอร์ก็สนุกกับการทำรายการนี้มาก เพราะว่าเขาได้ขับมอเตอร์ไซค์ที่รัก ทำให้ไม่ค่อยได้กลับบ้าน
ส่วนกับเรื่องของ แอนนี่ สาวปริศนาที่ถูกโยงว่า เป็นเพื่อนร่วมงานที่ทำให้ปีเตอร์ไม่ได้กลับบ้านนั้น เพื่อนเผยว่า แอนนี่เองเป็นเพื่อนร่วมงานจริง ๆ ซึ่ง ก็เข้าใจว่าทำไมพลอยถึงหึง เพราะแอนนี่เป็นคนสวย ซึ่งตนก็เคยถามกับเพื่อนปีเตอร์อีกคนว่าอะไรยังไง ซึ่งเพื่อนปีเตอร์ก็ยืนยันว่า แอนนี่เป็นแค่เพื่อน
นอกจากนี้ ปีเตอร์ยังเป็นคนที่รักคนยาก และระวังตัว ขนาดแฟนคลับบางคนที่อินกับปีเตอร์มาก เขายังเอาตัวเองออกมาจากตรงนั้น ตอน ที่ปีเตอร์เจอพลอย และพาพลอยมาแนะนำให้เพื่อน ๆ รู้จัก เขาก็บอกว่าเขาอยากแต่งงานกับพลอย ตนยืนยันว่าเขาไม่ได้เลิกกัน หากจะเลิกกันจริงคงไม่ไปดูตอนพลอยคลอดลูกคนที่ 2
สุดท้าย เพื่อนสนิทคนนี้ได้ย้ำว่า ที่พลอยโพสต์แบบนั้นอาจจะเกิดความความน้อยใจ และเหนื่อยกับการดูลูก ทั้งคู่ไม่ได้หย่า และอาทิตย์ก่อนปีเตอร์ก็ยังอยู่ที่บ้านพลอย
Cr : Kapook
วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
สถานทูตไทยในโตเกียวแจ้งรายชื่อยาต้องห้ามนำเข้าในญี่ปุ่น
ความคืบหน้า กรณี อดีตผู้บริหารสตรีของบริษัทโตโยต้า บริษัทรถยนต์ใหญ่ที่สุดของโลก ที่ถูกจับในญี่ปุ่นในข้อหานำเข้ายาที่ต้องควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาตได้รับ การปล่อยตัวแล้วหลังจากถูกควบคุมตัวเป็นเวลา 3 สัปดาห์ หลังจากอัยการยกเลิกการดำเนินคดี
นางจูลี แฮมป์ สตรีอเมริกันวัย 55 ปี เพิ่งได้รับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายสื่อสารของบริษัทเมื่อต้นปีและลาออกจาก ตำแหน่งหลังเกิดกรณีดังกล่าว อัยการกล่าวว่า เธอทราบดีว่า ยาแก้ปวดออกซิโคโดน เป็นยาที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดในญี่ปุ่นแต่ให้พ่อของเธอส่งยาดังกล่าวมาให้ จากสหรัฐเพื่อใช้รักษาอาการปวดหัวเข่าของเธอ เจ้าหน้าที่สอบสวนลงความเห็นว่าจะไม่ดำเนินคดีเธอ โดยกล่าวว่า นางแฮมป์ไม่ได้มีเจตนาร้ายและไม่ได้มีแผนจะใช้ยาดังกล่าวเพื่อเป็นยาเสพติด ยาออกซิโคโดน เป็นยาบรรเทาอาการปวด ซึ่งถูกกฏหมายในญี่ปุ่นแต่ต้องได้รับตามที่แพทย์สั่ง แต่การนำเข้าโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่เป็นเรื่องผิดกฎหมายและอาจถูก ลงโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี เจ้าหน้าที่ยังเห็นว่า เธอได้รับโทษทางสังคมไปเรียบร้อยแล้ว รวมถึงการลาออกจากตำแหน่งในบริษัทโตโยต้าด้วย ทางด้านบริษัทโตโยต้าได้ออกมาขอโทษอีกครั้ง และบอกว่าจะนำกรณีนี้ไปเป็นบทเรียน
ด้านสถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว ประเทศญีปุ่น ได้ ประชาสัมพันธ์ แจ้งตัวอย่างรายชื่อยาที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายและห้ามนำเข้ามาใน ญี่ปุ่น ดังนี้
1. TYLENOL COLD
2. NYQUIL
3. NYQUIL LIQUICAPS
4. ACTIFED
5. SUDAFED
6. ADVIL COLD & SINUS
7. DRISTAN COLD/ “NO DROWSINESS”
8. DRISTAN SINUS
9. DRIXORAL SINUS
10. VICKS INHALER
11. LOMOTIL
*อ้างอิงรายชื่อยาจากเว็บไซต์สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่นประจำนครซีแอทเทิล
รัฐบาลญี่ปุ่นมีระบบการตรวจสอบการนำเข้ายาอย่างเข้มงวด ทั้งยานำมาด้วยตัวเองทางเครื่องบินโดยสาร หรือยาที่ส่งมาทางพัสดุไปรษณีย์ สถานทูตฯจึงขอเตือนคนไทยทุกคนให้พึงระวังการนำยาเข้ามาในประเทศญี่ปุ่น หากนำเข้ามาก็มีความเป็นไปได้ที่จะโดนควบคุมตัวและดำเนินคดีตามกฎหมาย ญี่ปุ่น
Cr : JS100
ป้ายกำกับ:
ญี่ปุ่น,
สถานทูตไทย,
Actifed,
Nyquil,
Sudaed,
Tylenol Cold
วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
สุดยอด 5 Gadgetsในออฟฟิศ
สุดยอด 5 Gadgetsในออฟฟิศ
ในยุค ปัจจุบัน เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามามีอิทธิพลต่อเรามากขึ้นในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะชีวิตการทำงานที่ต้องการความถูกต้อง แม่นยำและสะดวกรวดเร็ว! ทำให้บริษัทต่างๆคิดค้นเทคโนโลยีที่ช่วยให้เราใช้ชีวิตการทำงานได้อย่าง สะดวกสบายออกมามากมายจนเลือกใช้กันแทบไม่ถูก และในวันนี้เราจะมาแนะนำ 5 แก็ดเจ็ต (Gadgets) เทคโนโลยีในออฟฟิศ ที่ควรมีไว้ในที่ทำงาน ที่รับรองว่าเจ๋งสุดๆ ช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้นจนต้องร้อง ว้าว!! แน่นอน
1. เครื่องเก็บนามบัตร (Digital Name card Holder)
เครื่องเก็บ นามบัตรในรูปแบบของภาพ CG Digital หากเรานำนามบัตรที่ได้มาสอดเข้าด้านบน เครื่องเก็บนามบัตร จะสแกนนามบัตรใบนั้นเป็นรูปภาพแล้วทำการบันทึกลงในเครื่องให้ทันที โดยสามารถเก็บนามบัตรได้ถึง 5000 ใบ!! เมื่อไหร่ที่ต้องการหานามบัตรก็สามารถ Search ชื่อหรือหมุนปุ่มด้านข้างเพื่อเลือกหานามบัตรทีละใบก็ได้ สะดวกสุดๆ Gadgets สุดยอด !!!
2. คีย์บอร์ดแสงเลเซอร์ (Laser Keyboard)
นี้ไม่ใช่ Gadgets คีย์บอร์ดธรรมดา แต่เป็นคีย์บอร์ดเกิดจากแสงเลเซอร์ที่ตัวเครื่องฉายออกมา วิธีการใช้งานก็ง่ายแสนง่ายไม่จำเป็นต้องต่อสายให้ยุ่งวุ่นวาย เพราะสามารถเชื่อมต่อกับ Tablet หรือ Smartphone ผ่านทางระบบ Bluetooth ได้ทันที เมื่อเปิดใช้งานให้วางเครื่องไว้บนพื้นระนาบ เครื่องจะยิงแสงเลเซอร์สีแดงเป็นรูปร่างของคีย์บอร์ดออกมาซึ่งเราสามารถใช้ พิมพ์ได้เหมือนคีย์บอร์ดจริงๆ เพียงเท่านี้เราก็สามารถใช้งานคีย์บอร์ดได้ทุกที่ทุกเวลา แถมพกพาได้สะดวกสุดๆ อีกด้วย !!!
3. สมุดโน๊ตดิจิตอล (Digital Notebook)
สมุดโน๊ตดิจิตอล จะเชื่อมต่อกับ Smartphone หรือ Tablet ของเราผ่านระบบ Bluetooth ไม่ว่าเราจะเขียนข้อความอะไรลงไปในสมุด ข้อความเหล่านั้นจะถูกสแกนส่งไปในแอพพลิเคชั่นเป็นไฟล์รูปภาพที่หน้าตา เหมือนกับที่เราเขียนลงไปในสมุดแบบเป๊ะๆ แต่ที่พิเศษยิ่งกว่านั้น คือนอกจากจะสแกนข้อมูลต่างๆเป็นรูปภาพแล้ว สมุดโน๊ตดิจิตอล ยังสามารถอ่านค่าตัวหนังสือที่เราเขียนบนสมุด ออกมาเป็น Digital Text แบบที่เราพิมพ์บนคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย
4. สแตนแม่เหล็กเมโม (Memo Magnet Stand)
เวลานัดหมายหรืองานสำคัญๆ แปะMemoกันลืมเอาไว้รอบๆคอมพิวเตอร์หรือตามกำแพงอยู่เต็มไปหมด บางทีดูแล้วอาจไม่ค่อยเป็นระเบียบเรียบร้อยแถมไม่เข้ากับยุคเทคโนโลยีใน ปัจจุบันแบบสุดๆ ด้วยเหตุนี้จึงมีอุปกรณ์ Gadgetsที่เรียกว่าสแตนแม่เหล็กเมโมถือกำเนิดขึ้นมา!!
สแตนแม่เหล็กเมโม นี้ ไม่ได้เป็นแม่เหล็กที่ดูดเหล็กเหมือนทั่วๆไป แต่อุปกรณ์ที่สามารถดูดกระดาษได้!! โดยแผ่นกระดาษจะถูกดูดติดอยู่กับเครื่องด้วยพลังงานไฟฟ้า ขนาดกำลังพอเหมาะสามารถตั้งบนโต๊ะทำงานได้อย่างสบายๆ แถมใช้พลังงานจากถ่านไซส์ AA เพียงแค่4ก้อนเท่านั้น อะไรจะสะดวกขนาดนั้น!!
5. เม้าส์สแกนเนอร์ (Mouse Scanner)
Gadgets ที่รูปร่างหน้าตาเหมือนเม้าส์คอมพิวเตอร์ชิ้นนี้ แท้จริงแล้วกลับไม่ใช่เม้าส์ แต่มันคือ เม้าส์สแกนเนอร์ (Mouse Scanner)!! หรือ เครื่องสแกนแบบพกพา ที่เล็กกระทัดรัด ที่นอกจากจะพกพาสะดวกแล้ว ความสามารถของมันก็ยังไม่ธรรมดา เพราะ เครื่องสแกนแบบพกพา นี้มันสามารถสแกนเอกสารเฉพาะจุดได้เพียงแค่ลากเม้าส์สแกนเนอร์ (Mouse Scanner) ไปตามเนื้อหาที่ต้องการ เครื่องก็จะอ่านข้อมูลออกมาเป็นรูปภาพและสามารถปรับแต่งให้เสร็จสรรพก่อนทำการบันทึกได้อีกด้วย
Cr.Mthai
เว็บไซต์เกี่ยวข้อง : เครื่องสแกนแบบพกพา
ในยุค ปัจจุบัน เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามามีอิทธิพลต่อเรามากขึ้นในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะชีวิตการทำงานที่ต้องการความถูกต้อง แม่นยำและสะดวกรวดเร็ว! ทำให้บริษัทต่างๆคิดค้นเทคโนโลยีที่ช่วยให้เราใช้ชีวิตการทำงานได้อย่าง สะดวกสบายออกมามากมายจนเลือกใช้กันแทบไม่ถูก และในวันนี้เราจะมาแนะนำ 5 แก็ดเจ็ต (Gadgets) เทคโนโลยีในออฟฟิศ ที่ควรมีไว้ในที่ทำงาน ที่รับรองว่าเจ๋งสุดๆ ช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้นจนต้องร้อง ว้าว!! แน่นอน
1. เครื่องเก็บนามบัตร (Digital Name card Holder)
เครื่องเก็บ นามบัตรในรูปแบบของภาพ CG Digital หากเรานำนามบัตรที่ได้มาสอดเข้าด้านบน เครื่องเก็บนามบัตร จะสแกนนามบัตรใบนั้นเป็นรูปภาพแล้วทำการบันทึกลงในเครื่องให้ทันที โดยสามารถเก็บนามบัตรได้ถึง 5000 ใบ!! เมื่อไหร่ที่ต้องการหานามบัตรก็สามารถ Search ชื่อหรือหมุนปุ่มด้านข้างเพื่อเลือกหานามบัตรทีละใบก็ได้ สะดวกสุดๆ Gadgets สุดยอด !!!
2. คีย์บอร์ดแสงเลเซอร์ (Laser Keyboard)
นี้ไม่ใช่ Gadgets คีย์บอร์ดธรรมดา แต่เป็นคีย์บอร์ดเกิดจากแสงเลเซอร์ที่ตัวเครื่องฉายออกมา วิธีการใช้งานก็ง่ายแสนง่ายไม่จำเป็นต้องต่อสายให้ยุ่งวุ่นวาย เพราะสามารถเชื่อมต่อกับ Tablet หรือ Smartphone ผ่านทางระบบ Bluetooth ได้ทันที เมื่อเปิดใช้งานให้วางเครื่องไว้บนพื้นระนาบ เครื่องจะยิงแสงเลเซอร์สีแดงเป็นรูปร่างของคีย์บอร์ดออกมาซึ่งเราสามารถใช้ พิมพ์ได้เหมือนคีย์บอร์ดจริงๆ เพียงเท่านี้เราก็สามารถใช้งานคีย์บอร์ดได้ทุกที่ทุกเวลา แถมพกพาได้สะดวกสุดๆ อีกด้วย !!!
3. สมุดโน๊ตดิจิตอล (Digital Notebook)
สมุดโน๊ตดิจิตอล จะเชื่อมต่อกับ Smartphone หรือ Tablet ของเราผ่านระบบ Bluetooth ไม่ว่าเราจะเขียนข้อความอะไรลงไปในสมุด ข้อความเหล่านั้นจะถูกสแกนส่งไปในแอพพลิเคชั่นเป็นไฟล์รูปภาพที่หน้าตา เหมือนกับที่เราเขียนลงไปในสมุดแบบเป๊ะๆ แต่ที่พิเศษยิ่งกว่านั้น คือนอกจากจะสแกนข้อมูลต่างๆเป็นรูปภาพแล้ว สมุดโน๊ตดิจิตอล ยังสามารถอ่านค่าตัวหนังสือที่เราเขียนบนสมุด ออกมาเป็น Digital Text แบบที่เราพิมพ์บนคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย
4. สแตนแม่เหล็กเมโม (Memo Magnet Stand)
เวลานัดหมายหรืองานสำคัญๆ แปะMemoกันลืมเอาไว้รอบๆคอมพิวเตอร์หรือตามกำแพงอยู่เต็มไปหมด บางทีดูแล้วอาจไม่ค่อยเป็นระเบียบเรียบร้อยแถมไม่เข้ากับยุคเทคโนโลยีใน ปัจจุบันแบบสุดๆ ด้วยเหตุนี้จึงมีอุปกรณ์ Gadgetsที่เรียกว่าสแตนแม่เหล็กเมโมถือกำเนิดขึ้นมา!!
สแตนแม่เหล็กเมโม นี้ ไม่ได้เป็นแม่เหล็กที่ดูดเหล็กเหมือนทั่วๆไป แต่อุปกรณ์ที่สามารถดูดกระดาษได้!! โดยแผ่นกระดาษจะถูกดูดติดอยู่กับเครื่องด้วยพลังงานไฟฟ้า ขนาดกำลังพอเหมาะสามารถตั้งบนโต๊ะทำงานได้อย่างสบายๆ แถมใช้พลังงานจากถ่านไซส์ AA เพียงแค่4ก้อนเท่านั้น อะไรจะสะดวกขนาดนั้น!!
5. เม้าส์สแกนเนอร์ (Mouse Scanner)
Gadgets ที่รูปร่างหน้าตาเหมือนเม้าส์คอมพิวเตอร์ชิ้นนี้ แท้จริงแล้วกลับไม่ใช่เม้าส์ แต่มันคือ เม้าส์สแกนเนอร์ (Mouse Scanner)!! หรือ เครื่องสแกนแบบพกพา ที่เล็กกระทัดรัด ที่นอกจากจะพกพาสะดวกแล้ว ความสามารถของมันก็ยังไม่ธรรมดา เพราะ เครื่องสแกนแบบพกพา นี้มันสามารถสแกนเอกสารเฉพาะจุดได้เพียงแค่ลากเม้าส์สแกนเนอร์ (Mouse Scanner) ไปตามเนื้อหาที่ต้องการ เครื่องก็จะอ่านข้อมูลออกมาเป็นรูปภาพและสามารถปรับแต่งให้เสร็จสรรพก่อนทำการบันทึกได้อีกด้วย
Cr.Mthai
เว็บไซต์เกี่ยวข้อง : เครื่องสแกนแบบพกพา
เดือดแทนพี่ชาย! "ต้องตา" ถามกลับ "พี่โน่" ทำไรผิด?
เหลืออด! "ต้องตา" น้องสาว "โตโน่" โพสต์ข้อความถามพี่ชายทำผิดอะไรถึงด่ากันขนาดนี้ บอกไม่มีใครอยากให้ใครตาย ลั่นพี่ชายทำหน้าที่เป็นแฟนที่ดีมาตลอด ไม่เคยทำให้เสียหาย ทุกครอบครัวก็เป็นห่วงคนของตัวเองกันทั้งนั้น
ADVERTISING
ยังคงเป็นประเด็นที่หลายคนยังให้ความสนใจอยู่ สำหรับกรณีที่นักแสดงสาว "แตงโม ภัทรธิดา" กินยานอนหลับเกินขนาดจนต้องหามตัวส่งโรงพยาบาล เนื่องมากจากที่อดีตแฟนหนุ่ม "โตโน่ ภาคิน" ออกมาประกาศโสดกลางเวทีคอนเสิร์ต 7 Wonders จนทำให้เกิดกระแสต่อว่าต่อขานนักแสดงหนุ่มว่าไม่สมควรพูดแบบนั้นออกไป แม้จะเป็นคนขี้เล่นก็ตามที
ล่าสุดทางด้านน้องสาว "ต้องตา แสงรวี คำวิลัยศักดิ์" น้องสาวแท้ๆของหนุ่ม "โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์" ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบายความในใจสวนกลับคอมเม้นท์ที่ด่าพี่ชายผ่านทาง เฟซบุ๊กส่วนตัว "Saengrawee Kumwilaisuk" ว่า พี่โน่ทำผิดอะไรถึงได้ด่ากันขนาดนี้ บอกไม่มีใครอยากให้ใครตาย ที่ผ่านมาพี่ชายไม่เคยทำเรื่องเสียหาย เลิกกันก็เจ็บกันทั้งสองฝ่าย
"ปวดประสาท มีแต่คนมาถาม ด่ากันสนุกสนาน คือพี่โน่ทำไรผิด คิดว่าพี่โน่อยากให้พี่โมตายเหรอ ไม่มีใครอยากให้ใครตายหรอกเว้ย ถ้าว่าเรื่องพูดว่าโสด ตอนพี่โมประกาศว่าโสดทำไมพี่โน่เงียบ ตั้งแต่เป็นน้องมาเห็นแต่พี่โน่ต้องเปนคนอดทน ทุกครั้งที่มีข่าวไรพี่โน่ก็โดนตลอด ที่ผ่านมาเคยมีข่าวไรออกจากทางพี่โน่บ้างมั้ย ถ้าจะว่าไม่ให้เกียรติฝ่ายหญิง พี่โน่ก็เปนแฟนที่ดีมาตลอดนะ ไม่เห็นเคยทำเรื่องให้ฝ่ายหญิงเสียหาย
ตอนคบกันมีร้อยพี่โน่ให้เกินที่ร้อย เลิกกันพี่โมไม่ได้เสียใจคนเดียว พี่โน่ก็เสียใจ คนไปให้กำลังใจพี่โมก็เป็นเรื่องดี แต่มาด่าพี่โน่ทำไม รู้เหรอว่าที่ผ่านมาพี่กุต้องเจออะไรบ้าง เรื่องโรคซึมเศร้าน่ะแม่ต้องตาก็เป็น ช่วงที่โดนข่าวแรงๆหลายๆเรื่องที่พี่โน่ไม่ได้เป็นคนสร้างแต่ต้องมาโดนไป ด้วย แม่ก็ต้องเข้าโรงบาล แล้วครอบครัวเราเคยทำให้เป็นเรื่องมั้ย เคยทำให้ใครต้องไปด่าใครมั้ย ครอบครัวเขาก็ต้องเป็นห่วงลูกเขา ครอบครัวเราก็ต้องเป็นห่วงคนของตัวเองเหมือนกัน
#ไม่รู้หรอกว่าเรื่องจริงเป็นไงไม่ได้คุยกับพี่โน่เลยสักคำที่พูดมาทั้งหมดคือความรู้สึกของต้องตาคนเดียวล้วนๆ"
Cr : Manager
รถตุ๊กตุ๊กพลังแสงอาทิตย์
ผลงานสุดยอดของ นศ. ชาวฝรั่งเศส วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หลักสูตร Double Degree สร้างนวัตกรรม รถตุ๊กตุ๊กพลังแสงอาทิตย์ พลังธรรมชาติและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ทดลองวิ่งจริงจากกรุงเทพฯ สู่ฝรั่งเศส ระยะทางประมาณ 20,000 กิโลเมตร ตะลุย 16 ประเทศ 120 วัน ขณะที่ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ชี้ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าเป็นมหาวิทยาลัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco University) และมุ่งสู่ มหาวิทยาลัยมหิดลแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน (Mahidol Sustainable University)
วันนี้ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดตัวโครงการ Pilgreens project ของ 2 นักศึกษาหลักสูตร Double Degree ชาวฝรั่งเศส ระหว่างวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล กับวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยตูลูส ประเทศฝรั่งเศส โดยนักศึกษาทั้ง 2 คน จะขับรถตุ๊กตุ๊กพลังแสงอาทิตย์ คันแรกของโลก ซึ่งจะออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ไปยังเมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศสในวันที่ 10 ตุลาคม 2558 ใช้เวลา 120 วัน ผ่าน 16 ประเทศ อาทิ ไทย ลาว จีน รัสเซีย ตรุกี ออสเตรีย เยอรมนี และ ฝรั่งเศส รวมระยะทาง 20,000 กิโลเมตร
รศ.นพ.ปรีชา สุนทรานนท์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความสำคัญในเรื่องสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมา ได้ดำเนินการนโยบายต่างๆ เพื่อทำหน้าที่ดูแลสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงาน เช่น ดำเนินการมหาวิทยาลัยได้มีนโยบาย เช่น การเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว โดยเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในมหาวิทยาลัยอย่างจริงจัง จนทำให้ในปี 2556 มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับการคัดเลือกเป็นสถาบันการศึกษาสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อันดับ 1 ของประเทศไทย อันดับ 4 ของเอเชีย และอันดับ 31 ของโลก
รวมถึงได้พยายามส่งเสริสนับสนุนบุคลากรและนักศึกษาให้หันมาใช้ พลังงานทดแทน พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานไฟฟ้า น้ำ และเชื้อเพลิงอย่างคุ้มค่า นำพลังงานแสงอาทิตย์เปลี่ยนเป็นแสงสว่างด้วย โคมไฟโซล่าเซลล์ เป็นต้น ดังนั้น มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะมหาวิทยาลัยที่มีบทบาทในการช่วยชี้นำสังคม จึงได้สนับสนุนโครงการดังกล่าว เพื่อเป็นการเผยแพร่ ส่งเสริมให้เห็นถึงประโยชน์ในการใช้พลังงานไฟฟ้า กระตุ้นให้เกิดการเห็นคุณค่าในการใช้พลังงานอย่างประหยัด คุ้มค่าโดยใช้ระบบความรู้ เข้ามาบริหารจัดการ โดย มหาวิทยาลัยมหิดล ตั้งเป้าเป็นมหาวิทยาลัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco University) และมุ่งสู่มหาวิทยาลัยมหิดลแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน (Mahidol Sustainable University)
“โครงการดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เกิดจากนักศึกษาของ มหาวิทยาลัยมหิดล แม้พวกเขาจะเป็นนักศึกษาจากประเทศฝรั่งเศส แต่การได้มาเรียนที่ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งมีการบริการหลักสูตร กิจกรรม ส่งเสริมการลดใช้พลังงาน และรู้จักใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ทำให้พวกเขาเกิดแนวคิดใส่ใจปัญหาสิ่งแวดล้อม และยังเป็นการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ให้คนไทยและคนต่างชาติในแต่ละประเทศที่พวกเขาเดินทางเข้าใจและ ตระหนักในการดูแลใส่ใจสิ่งแวดล้อม และการใช้พลังงานทดแทน จึงอยากฝากคนไทยทุกคนติดตามและให้กำลังใจนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลที่เดิน ทางโดยรถตุ๊กตุ๊กพลังแสงอาทิตย์ในครั้งนี้” รศ.นพ.ปรีชา กล่าว
ด้าน รศ.ดร.อรรณพ ตันละมัย คณบดีวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า วิทยาลัยการจัดการ ได้จัดการเรียนการสอนในระดับปริญญาโท ซึ่งโครงการนี้ เป็นหลักสูตร Double Degree ความร่วมมือระหว่าง มหาวิทยาลัยมหิดล กับ มหาวิทยาลัยตูลูส ที่ได้ร่วมกันจัดการเรียนการสอน การเรียนรู้ผ่านกรณีศึกษา เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความต้องการที่จะศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่ม เติม นำมาคิดวิเคราะห์แก้ปัญหา ซึ่งไม่ใช่การเรียนรู้เพียงองค์ความรู้เท่านั้น แต่ให้นักศึกษาได้รู้จักคิด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และนำสิ่งที่เรียนรู้ประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น
นายลูดวิก แมร์ส นักศึกษาหลักสูตร Double Degree กล่าวว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาสำคัญที่ทุกคนในโลกต้องช่วยกัน ไม่เช่นนั้นอาจต้องเผชิญปัญหาภัยพิบัติอีกมากมาย โดยเฉพาะการใช้รถของผู้คนที่นับวันจะปล่อยมลพิษจากการใชัพลังงานเชื้อเพลิง มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งพวกเราเห็นรถตุ๊กตุ๊กพลังแสงอาทิตย์ของไทยและเกิดไอเดียว่าจะพัฒนาเป็นรถตุ๊กตุ๊กพลังแสงอาทิตย์ และขับจากประเทศไทยไปประเทศฝรั่งเศส จึงเสนอไปยังมหาวิทยาลัย และรู้สึกดีใจที่มหาวิทยาลัยสนับสนุน
เพราะการขับรถตุ๊กตุ๊กพลังแสงอาทิตย์ครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงเผยแพร่ความเป็นไทยผ่านรถตุ๊กตุ๊กพลังแสงอาทิตย์เท่า นั้น แต่ยังเป็นการแสดงให้คนทั่วโลกได้เห็นว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะช่วยให้มนุษย์สามารถใช้พลังงานสะอาดจากธรรมชาติ ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นพลังน้ำ พลังแสงอาทิตย์ ที่สามารถนำมาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า พลังความร้อน และ พลังแสงสว่าง เก็บไว้เป็นพลังงานสำรอง หรือ นำประยุกต์ใช้เป็นโคมไฟโซล่าเซลล์ เพื่อให้แสงสว่างในยามค่ำคืน
“กว่า 1 ปีที่มาเรียนที่วิทยาลัยฯได้ส่งเสริมให้ผู้เรียน เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง ผมและเพื่อนชาวฝรั่งเศสจึงได้เริ่มโครงการดังกล่าว เพื่อพิสูจน์และสำรวจว่าคนทั่วโลกมีความเข้าใจและสนใจการใช้รถพลังงานไฟฟ้า และพลังงานแสงอาทิตย์อย่างไร เป็นไปได้หรือไม่ที่จะใช้รถพลังงานไฟฟ้า พลังงานแสงอาทิตย์ข้ามประเทศ รวมถึงทำให้คนทั่วโลกตระหนัก และหันมาสนใจการใช้พลังงานทดแทนพลังงานเชื้อเพลิงที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่ต้องเผชิญมลภาวะที่ส่งผลต่อสุขภาพ และที่สำคัญ จะช่วยยืนยันว่าสามารถนำพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในการเดินทางคมนาคมขน ส่งได้จริง”นายลูดริก กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับรถตุ๊กตุ๊กพลังแสงอาทิตย์ ครั้งแรกของโลกที่เดินทางจากกรุงเทพฯไปฝรั่งเศส ได้มีการติดตั้งแผนโซลาร์เซลล์บนหลังคารถ โดยกักเก็บไว้ในแบตเตอรีลิเธียม 72 โวลต์ ความจุ 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง สามารถเดินทางได้ 200 กิโลเมตรต่อการชาร์ตไฟ 1 ครั้ง (6 - 8 ชั่วโมง) คิดเป็นค่าไฟ 0.7 บาทต่อกิโลเมตร หรือ 14,000 บาท ตลอดการเดินทาง ซึ่งนักศึกษาผู้เดินทางครั้งนี้ เชื่อว่า ด้วยการเตรียมพร้อมทั้งด้านการซ่อมบำรุง ความปลอดภัย การเดินทางจากกรุงเทพฯถึงฝรั่งเศสภายในวันที่ 10 ตุลาคม 2558 รวมเวลา 120 วัน จะตรงตามวันที่กำหนดอย่างแน่นอน ติดตามให้กำลังใจนักศึกษากลุ่มนี้ ได้ที่ www.cmmu.mahidol.ac.th
Cr.ผู้จัดการ
เว็บไซต์เกี่ยวข้อง : โคมไฟโซล่าเซลล์
วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
Digital Door Lock กลอนประตูดิจิตอล
Digital Door Lock กลอนประตูดิจิตอล (กลอนประตูไฟฟ้า)
เมื่อกล่าวถึง Digital lock จะทำให้นึกถึงกลอนประตูที่เป็นลักษณะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 หมวดการใช้งานใหญ่ๆ ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน คือ1. สำหรับงานโรงแรม รีสอร์ท อพาร์ทเมนท์
ซึ่งวัตถุประสงค์ของการใช้งานหมวดนี้ คือ ต้องมีการลงโปรแกรม Hotel Lock Management Software ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของเคาเตอร์ต้อนรับ เพื่อใช้สำหรับ check-in / check- out ของบัตรลูกค้าที่มาเข้าพักค้างแรม และโปรแกรมนี้ยังสามารถออกบัตรพนักงานตามวัตถุของแต่ละหน้าที่ สามารถดูรายงานการออกบัตรและเข้าพักของลูกค้า และตัวกลอนประตูก็สามารถใช้ได้แค่บัตรเท่านั้น ซึ่งจะไม่สามารถใช้รหัส หรือ สแกนลายนิ้วมือได้
2. สำหรับงานคอนโดมิเนียม และบ้าน
ซึ่งวัตถุประสงค์ของการใช้งานหมวดนี้ จะเหมาะกับห้องที่มีลักษณะขายขาด เช่น คอนโดมิเนียม บ้าน เพราะไม่มีการควบคุมจากส่วนกลาง เหมือนงานโรงแรม รีสอร์ท การตั้งค่าต่างๆจะทำที่ตัวกลอนประตูเลย ซึ่งตัวกลอนประตูก็จะมีหลายแบบ ตามฟังก์ชั่นตามการปลดล็อค อาทิ
- กลอนประตูที่ใช้บัตรอย่างเดียวเท่านั้น
- กลอนประตูที่ใช้บัตร และ รหัส
- กลอนประตูที่ใช้บัตร และ ลายนิ้วมือ
- กลอนประตูที่ใช้ บัตร รหัส และ ลายนิ้วมือ
กลอนประตูนี้จะมีผู้ใช้บางรายนำไปติดสำหรับออฟฟิค ซึ่งผิดวัตถุของการออกแบบใช้งาน ถ้าเป็นออฟฟิคขนาดเล็กก็ยังสามารถนำไปใช้ได้ แต่ถ้าเป็นออฟฟิคที่มีผู้เข้าออกจำนวนค่อนข้างมาก รุ่นนี้จะไม่เหมาะสมเลย ควรหันไปใช้ระบบ Access Control System จะดีกว่า
กลอนประตูทุกรุ่นควรจะมีกุญแจสำรองเพื่อใช้ปลดล็อคด้วย เพื่อกรณีที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกิดขัดข้องหรือเสีย ก็ยังมีกุญแจสำรองเพื่อเปิดเข้าห้องได้
Digital Door Lock ราคามีตั้งแต่ไม่กี่พันบาท จนถึง Digital Door Lock ราคาเป็นเป็นหลักหมื่น ซึ่งขึ้นอยู่กับรูปแบบ และการใช้งาน แต่ในที่นี้จะขอกล่าวถึง Digital Door Lock สำหรับงานคอนโดมิเนียม และบ้าน เท่านั้น นอกจากฟังก์ชั่นดังที่กล่าวมาแล้ว ยังต้องดูรูปแบบการใช้งานและติดตั้งด้วย
- รุ่นติดลอย ต้องใช้คู่กับลูกบิด
รุ่นนี้จะไม่มีด้ามจับคันโยก หรือ เขาควาย และการติดตั้งส่วนใหญ่จะเป็นการติดลอย ตัวเขี้ยวไม่ได้ฝั่งอยู่ในเนื้อไม้ และจะมีราคาค่อนข้างถูก เหมาะกับติดตั้งกับประตูกระจกกรอบอลูมิเนียม หรือติดกับประตูไม้ เพื่อใช้คู่กับลูกบิดตัวเดิม
- รุ่นติดตั้งแทนลูกบิด
รุ่นนี้จะมีด้ามจับคันโยก หรือ เขาควาย ตัวเขี้ยวจะถูกฝั่งอยู่ในเนื้อไม้ ซึ่งจะมีลักษณะที่แข็งแรงกว่าตัวแรก และสามารถใช้แทนลูกบิดได้เลย แต่ราคาจะค่อนข้างสูง
Digital Door Lock ที่นิยมในตลาดเมืองไทย ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นที่ติดตั้งแทนลูกบิด และมีฟังก์ชันบัตรและรหัส เนื่องจากมีความแข็งแรง และราคาก็อยู่แค่ประมาณ 8,000 – 12,000 บาท
Cr : OK Nation
เว็บไซต์เกี่ยวข้อง : Digital Door Lock
เมื่อ พี่อ้อยโพสต์ซึ้งๆถึง แตงโมด้วยข้อความนี้ ทำเอาแฟนคลับถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่
จากกรณีข่าวของ แตงโม
ทานยาฆ่าตัวตาย อาการล่าสุดตอนนี้ของ แตงโม ปลอดภัยแล้วจ๊ะ
แต่ก็ยังต้องอยุ่ในการดูแลของคุณหมออย่างใกล้ชิด
มีเพื่อนๆและบรรดาแฟนคลับต่างก็ส่งกำลังให้อย่างมากมาย รวมไปถึง พี่อ้อย
จาก Club Friday Fanpage ที่หลายๆคนต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี
พี่อ้อยได้โพสต์ข้อความซึ้งๆผ่านทางเฟสบุ๊คแฟนเพจ Club Friday Fanpage
ถึงสาวแตงโมว่า...
"รักแลกด้วยรัก
ไม่ได้แลกด้วยชีวิต หลายครั้งเราทำร้ายตัวเอง เพื่อคนที่เค้าหมดรัก
เพื่อมาทำร้ายหัวใจคนที่รักเราเท่าชีวิต ...ยังดีที่น้องปลอดภัย
ขอให้หัวใจเข้มแข็งขึ้นในเร็ววันจ้ะ" ...พี่อ้อย
วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
เผยตัวละคร “รักซ่อนแค้น“ (A love to kill) ของ ผกก. หนุ่ม อรรถพร
เดินหน้าถ่ายทำเต็มที่กับละครรีเมคซีรีส์เกาหลี "A love to kill" ที่มีชื่อไทยว่า "รักซ่อนแค้น" ผลงานของผู้กำกับมากฝีมือ "หนุ่ม อรรถพร" ที่ในตอนนี้ได้เผยภาพนักแสดงนำของเรื่องออกมาแล้ว
หลังจากสร้างผลงานการกับกำสุดยอดเยี่ยมในละคร ข้าบดินทร์จนโด่งดังมาแล้ว ผู้กำกับหนุ่ม อรรถพร ก็เตรียมส่งผลงานใหม่มาให้แฟนๆได้ติดตามกันต่อ ในละคร "รักซ่อนแค้น" ของทางช่อง ONE (Exact & scenario) ที่ได้เริ่มปล่อยภาพนักแสดงนำพร้อมชื่อตัวละครออกมาแล้ว นำแสดงโดย นิว ชยพล รับบท ปืน, วิว วรรณรท รับบท อินทิรา, พีค ภรัศยา รับบท สร้อย, อัค อัครัฐ รับบท วาริณทร์ และ ไอซ์ ศรัณยู รับบท เมฆ
"รักซ่อนแค้น" เรื่องราวของ "ปืน" (นิว ชยพล) เด็กหนุ่มอารมณ์ร้อนที่ชอบถูกเพื่อนล้อว่าพ่อเป็นฆาตกร จนต้องใช้กำลังแก้ปัญหาทำให้ถูกลงโทษ "เมฆ" (ไอซ์ ศรัณยู) พี่ ชายของเขาไม่ชอบให้ปืนมีเรื่องเจ็บตัว ไม่อยากให้ปืนโตมาเป็นนักเลง สองพี่น้องเด็กกำพร้าใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเมตตา และมักถูกเด็กรุ่นใหญ่เจ้าถิ่นรังแก จนเมฆตัดสินใจพาน้องชายหนีจากมาใช้ชีวิตอยู่กันเพียงลำพัง
ปืนผิดสัญญาที่ใช้กำลังแก้ปัญหาอีกครั้ง ทำให้เมฆโกรธจนออกจากห้องไป ไม่กลับมาอีกเลย ปืนใช้ชีวิตลำพังคนเดียว โกรธพี่ชายที่ทิ้งเขาไป ทั้งเหงา อ้างว้าง และกลัว ปืนใช้ชีวิตเกเรไปวันๆ จนได้เจอกับป้าแตงที่หญิงกลางคนใจดีที่รับเลี้ยงเด็กเร่ร่อน และได้รู้จักกับ "สร้อย" (พีค ภรัศยา) เด็กสาวนิสัยห้าวๆ ที่เด็ดเดี่ยว ครั้งหนึ่งสร้อยได้ช่วยชีวิตปืนจากไฟไหม้จนมีรอยแผล ทำให้ปืนตั้งใจจะดูแลสร้อย แต่ไม่สามารถคิดกับสร้อยมากกว่าเพื่อนได้
10 ปีต่อมาปืนและเมฆได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง สองพี่น้องได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน โดยที่ปืนไม่เอ่ยพูดถึงเรื่องราวค้างคาใจในอดีต อยู่กันแบบนี้ก็มีความสุขดีแล้ว จนเมื่อเมฆตัดสินใจฆ่าตัวตาย แม้จะรอดแต่ก็ไม่สามารถสื่อสารใดๆได้ ปืนเสียใจที่เรื่องเป็นแบบนี้ จึงตามสืบเรื่องที่ทำให้พี่ชายตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง จนได้รู้ว่าพี่ชายเคยมีคนรักเป็นดาราสาวชื่อ "อินทิรา" (วิว วรรณรท) ที่เพิ่งประกาศหมั้นกับทายาทไฮโซ "วารินทร์" (อัครัฐ นิมิตรชัย) ในวันที่ปืนและเมฆเจอกัน
ปืนโกรธพี่ชายที่อ่อนแอ และเกลียดอินทิราที่ทำให้พี่ชายเขาเป็นแบบนี้ เมื่อวารินทร์ประกาศหาบอดี้การ์ดให้อินทิรา ปืนจึงไม่ปล่อยให้โอกาสใกล้ชิดอินหลุดมือไป นี่เป็นโอกาสแก้แค้นที่ปืนต้องการ โดยที่ปืนไม่รู้เลยว่าการแก้แค้นในครั้งนี้ มันคือการทำลายหัวใจของเขาไปด้วย
เรื่องราวดราม่าน้ำตานอง กับบทสรุปความรักของพวกเขาจะเป็นเช่นไร ติดตามได้อีกไม่นานเกินรอ
Cr : Sanook
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)