Photo : PSFK
ในยุคหลังๆโลกเรา เริ่มที่จะมี Wearable เกิดขึ้นมามากมายที่ออกมาเพื่อตอบโจทย์ผู้คนบนโลกที่ต้องการความสะดวกสบาย และเก๋ไก๋มากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็น Smartwatch ที่นอกจากดูเวลาได้แล้วยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อใช้งานได้เลย หรือ Smartband Wearable ยอดนิยมสำหรับคนออกกำลังกายที่จะช่วยเป็นเครื่องวัดความดัน วัดระบบเผาผลาญ หรือ วัดการเต้นของหัวใจ ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้แม้ว่าจะยังไม่ใช่เทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลกได้แต่ก็ค่อนข้างที่จะได้ รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่คุณจะรุ้หรือไม่ละว่า? นอกจาก Wearable ทั้ง 2 สิ่งนั้นแล้ว…ทุกวันนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกเก๋ๆสำหรับนักช๊อป หรือ นักใช้เงิน ที่จะทำให้เราใช้งานได้สะดวกสบายโดยที่ไม่ต้องหยิบบัตรเครดิตออกจากกระเป๋า ด้วย อย่าง bPay wristband สายรัดข้อมือที่จะช่วยให้คุณสามารถจ่ายเงินได้เพียงนำไปแตะกับเครื่องอ่าน ข้อมูลบัตรเครดิตเสมือนเป็นเครื่องรูดบัตร เลย
การ จ่ายเงินแบบตื๊ดๆ ถือว่าเป็นแนวโน้มต่อไปของวงการเทคโนโลยี หลายค่ายเริ่มไปแล้วทั้ง Apple pay, Android pay, Samsung pay แต่ต่อไปมันจะทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นกว่านั้น ด้วยการแปรเปลี่ยนไปอยู่ในรูปแบบของอุปกรณ์สวมใส่ติดร่างกายแทน ต่อไปไม่จำเป็นต้องควักกระเป๋าหรือมือถือขึ้นมาจ่ายตังด้วยบัตรเครดิตผ่านเครื่องอ่านบัตรแถบแม่เหล็ก แต่มันจะเปลี่ยนไปในรูปแบบสายรัดข้อมือแทน
หนึ่ง ในนั้นคือ Barclayscard หรือเรียกสั้นๆ ว่า bPay ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบของสายรัดข้อมือ, พวงกุญแจหรือสติกเกอร์ติดพื้นผิวต่างๆ ซึ่งการใช้งานผู้ใช้จะต้องลงทะเบียนอุปกรณ์เหล่านั้นก่อนโดยอุปกรณ์นี้จะ เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน(สามารถใช้ได้กับระบบ iOS และ Android)เพื่อทำการเชื่อมต่อกับบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตของธนาคารที่สมัคร ไว้ แต่เราจำเป็นต้องลงทะเบียนด้วย Email และใส่รหัส 5 หลักก่อนนะถึงจะใช้งานได้ จากนั้นก็สามารถนำไปแตะกับเครื่องอ่านในร้านค้าต่างๆ เช่น Starbucks, David Lloyd, Pret a Manger, Mark & Spencer หรือร้านอื่นๆ ที่รองรับ
bPay จะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อติดตามการใช้จ่ายต่างๆ ผ่านแอปซึ่งมีทั้ง iOS และ Android (ส่วนผู้ใช้ Windows phone แม้ยังไม่มีแอปก็สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์แทน) รวมถึงเชื่อมโยงกับบัตรเครดิตและบัญชีธนาคาร นอกจากนั้นมือถือยังทำหน้าที่เป็นเครื่องมือเซ็ตอัพระบบ ซึ่งการตั้งค่าง่ายมากเลย เพียงแค่ใส่ชิพที่มีขนาดเท่ากับซิมโทรศัพท์เข้าไปในพวงกุญแจหรือสายรัดข้อ มือ ติดตั้งแอปลงมือถือ ลงทะเบียนใช้งานและสร้างรหัสผ่านเท่านั้นเอง
อุปกรณ์ bPay นั้นจะจำกัดวงเงินสูงสุดของทั้งบัญชีไว้ที่ 200 ปอนด์ (roughly $220 USD) หรือประมาณ 11,000 บาท ถ้าหากคุณใช้อุปกรณ์หลายตัวก็สามารถแบ่งแยกบัญชีเป็นรายอุปกรณ์ได้ ถ้าหากวงเงินอันไหนไม่พอก็มีฟีเจอร์ ‘auto-top’ ไปดึงเงินส่วนที่ขาดจากอีกบัญชีที่ยังไม่เกินมาจ่ายเพิ่มได้ จุดอ่อนของ bPay นั้นคือไม่เหมาะสมกับการจ่ายเงินทุกประเภท เพราะมันจำกัดเงินจ่ายหนึ่งครั้งไว้ที่ 20 ปอนด์หรือประมาณ 1,100 บาท เหมาะสำหรับการจ่ายเงินซื้อของเล็กๆ น้อยๆ มากกว่า
Cr.ARIP
ในยุคหลังๆโลกเรา เริ่มที่จะมี Wearable เกิดขึ้นมามากมายที่ออกมาเพื่อตอบโจทย์ผู้คนบนโลกที่ต้องการความสะดวกสบาย และเก๋ไก๋มากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็น Smartwatch ที่นอกจากดูเวลาได้แล้วยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อใช้งานได้เลย หรือ Smartband Wearable ยอดนิยมสำหรับคนออกกำลังกายที่จะช่วยเป็นเครื่องวัดความดัน วัดระบบเผาผลาญ หรือ วัดการเต้นของหัวใจ ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้แม้ว่าจะยังไม่ใช่เทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลกได้แต่ก็ค่อนข้างที่จะได้ รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่คุณจะรุ้หรือไม่ละว่า? นอกจาก Wearable ทั้ง 2 สิ่งนั้นแล้ว…ทุกวันนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกเก๋ๆสำหรับนักช๊อป หรือ นักใช้เงิน ที่จะทำให้เราใช้งานได้สะดวกสบายโดยที่ไม่ต้องหยิบบัตรเครดิตออกจากกระเป๋า ด้วย อย่าง bPay wristband สายรัดข้อมือที่จะช่วยให้คุณสามารถจ่ายเงินได้เพียงนำไปแตะกับเครื่องอ่าน ข้อมูลบัตรเครดิตเสมือนเป็นเครื่องรูดบัตร เลย
การ จ่ายเงินแบบตื๊ดๆ ถือว่าเป็นแนวโน้มต่อไปของวงการเทคโนโลยี หลายค่ายเริ่มไปแล้วทั้ง Apple pay, Android pay, Samsung pay แต่ต่อไปมันจะทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นกว่านั้น ด้วยการแปรเปลี่ยนไปอยู่ในรูปแบบของอุปกรณ์สวมใส่ติดร่างกายแทน ต่อไปไม่จำเป็นต้องควักกระเป๋าหรือมือถือขึ้นมาจ่ายตังด้วยบัตรเครดิตผ่านเครื่องอ่านบัตรแถบแม่เหล็ก แต่มันจะเปลี่ยนไปในรูปแบบสายรัดข้อมือแทน
หนึ่ง ในนั้นคือ Barclayscard หรือเรียกสั้นๆ ว่า bPay ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบของสายรัดข้อมือ, พวงกุญแจหรือสติกเกอร์ติดพื้นผิวต่างๆ ซึ่งการใช้งานผู้ใช้จะต้องลงทะเบียนอุปกรณ์เหล่านั้นก่อนโดยอุปกรณ์นี้จะ เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน(สามารถใช้ได้กับระบบ iOS และ Android)เพื่อทำการเชื่อมต่อกับบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตของธนาคารที่สมัคร ไว้ แต่เราจำเป็นต้องลงทะเบียนด้วย Email และใส่รหัส 5 หลักก่อนนะถึงจะใช้งานได้ จากนั้นก็สามารถนำไปแตะกับเครื่องอ่านในร้านค้าต่างๆ เช่น Starbucks, David Lloyd, Pret a Manger, Mark & Spencer หรือร้านอื่นๆ ที่รองรับ
bPay จะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อติดตามการใช้จ่ายต่างๆ ผ่านแอปซึ่งมีทั้ง iOS และ Android (ส่วนผู้ใช้ Windows phone แม้ยังไม่มีแอปก็สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์แทน) รวมถึงเชื่อมโยงกับบัตรเครดิตและบัญชีธนาคาร นอกจากนั้นมือถือยังทำหน้าที่เป็นเครื่องมือเซ็ตอัพระบบ ซึ่งการตั้งค่าง่ายมากเลย เพียงแค่ใส่ชิพที่มีขนาดเท่ากับซิมโทรศัพท์เข้าไปในพวงกุญแจหรือสายรัดข้อ มือ ติดตั้งแอปลงมือถือ ลงทะเบียนใช้งานและสร้างรหัสผ่านเท่านั้นเอง
อุปกรณ์ bPay นั้นจะจำกัดวงเงินสูงสุดของทั้งบัญชีไว้ที่ 200 ปอนด์ (roughly $220 USD) หรือประมาณ 11,000 บาท ถ้าหากคุณใช้อุปกรณ์หลายตัวก็สามารถแบ่งแยกบัญชีเป็นรายอุปกรณ์ได้ ถ้าหากวงเงินอันไหนไม่พอก็มีฟีเจอร์ ‘auto-top’ ไปดึงเงินส่วนที่ขาดจากอีกบัญชีที่ยังไม่เกินมาจ่ายเพิ่มได้ จุดอ่อนของ bPay นั้นคือไม่เหมาะสมกับการจ่ายเงินทุกประเภท เพราะมันจำกัดเงินจ่ายหนึ่งครั้งไว้ที่ 20 ปอนด์หรือประมาณ 1,100 บาท เหมาะสำหรับการจ่ายเงินซื้อของเล็กๆ น้อยๆ มากกว่า
Cr.ARIP
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น